บล.กสิกรไทย มองสัปดาห์ถัดไป (22-26 พ.ค.) ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,500 และ 1,475 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,535 และ 1,555 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนเม.ย. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองในประเทศ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือนพ.ค. (เบื้องต้น) ยอดขายบ้านใหม่ รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. บันทึกการประชุมเฟด และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/66 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนพ.ค. ของจีน ดัชนี PMI เดือนพ.ค. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น และยูโรโซน ตลอดจนดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเม.ย.
สัปดาห์ที่ผ่านมา (15-19 พ.ค.)หุ้นไทยปิดต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี 2 เดือน ท่ามกลางแรงฉุดจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้หุ้นไทยปรับตัวลงตั้งแต่ต้นสัปดาห์หลังนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับนโยบายของพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าไฟฟ้าและลดปัญหาการผูกขาดซึ่งกระตุ้นแรงขายหุ้นบิ๊กแคป โดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้าและสื่อสาร
นอกจากนี้ หุ้นไทยยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากความกังวลต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ หลังถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายยังไม่ส่งสัญญาณถึงโอกาสของการปรับลดดอกเบี้ย อนึ่ง หุ้นไทยฟื้นตัวช่วงสั้นๆระหว่างสัปดาห์ก่อนจะร่วงลงต่อในช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนยังรอติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง
ในวันศุกร์ (19 พ.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,514.89 จุด ลดลง 2.98% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 56,210.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.14% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 4.15% มาปิดที่ระดับ 480.76 จุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 พ.ค. 66)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย