ตลาดการเงินทั่วโลกกำลังจับตาดูว่า สหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศหรือไม่ และหากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ก็จะสร้างปัญหาใหญ่ที่กระทบไปทั่วโลก โดยรัฐบาลสหรัฐกำลังจะหมดเงินในการใช้จ่าย และการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสก็ยังดำเนินต่อไป เพื่อให้มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้จากระดับปัจจุบันที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ และในขณะที่พรรคเดโมแครตต้องการที่จะให้มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ในทันทีนั้น พรรครีพับลิกันก็กำหนดเงื่อนไขให้รัฐบาลสหรัฐจะต้องปรับลดการใช้จ่ายลงก่อนจึงจะยินยอมปรับเพิ่มเพดานหนี้
นางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า หากไม่มีการบรรลุข้อตกลงปรับเพิ่มเพดานหนี้ในเร็ว ๆ นี้ สหรัฐก็จะผิดนัดชำระหนี้อย่างเร็วที่สุดในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งเหลือเวลาอีก 16 วันนับจากนี้ และจะสร้างหายนะทางเศรษฐกิจให้กับสหรัฐและทั่วโลก
In Focus สัปดาห์นี้รายงานถึงการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับผลกระทบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น หากสหรัฐไม่สามารถปรับเพิ่มเพดานหนี้ และเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้
มาร์ค แซนดี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของมูดี้ส์ อนาไลติคส์เปิดเผยกับวอชิงตันโพสต์ว่า จะเกิดสถานการณ์ที่อันตรายอย่างมาก หากผลกระทบต่าง ๆ เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
*ตลาดหุ้นสหรัฐทรุดหนัก
มูดี้ส์ อนาไลติคส์คาดว่า ราคาหุ้นอาจดิ่งลง 20% ซึ่งจะทำให้ความมั่งคั่งของภาคครัวเรือนสหรัฐสูญหายไปถึง 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะส่งผลกระทบต่อบัญชีเงินเกษียณอายุของชาวอเมริกันหลายล้านคนด้วย
ความปั่นป่วนของตลาดหุ้นจะเป็นหนึ่งในผลกระทบแรก ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐ โดยดัชนีหุ้นสหรัฐได้ดิ่งลงราว 20% ในปี 2554 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สหรัฐเคยมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้มาแล้ว
*เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยฉับพลัน
ทันทีที่ตลาดหุ้นเริ่มร่วงลง ผลกระทบก็จะลุกลามไปยังเศรษฐกิจในวงกว้าง ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรวดเร็ว อันเป็นผลจากความมั่งคั่งและการใช้จ่ายที่ลดลง รวมไปถึงการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และการทรุดตัวลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์
*รัฐบาลสหรัฐถังแตก-ชาวอเมริกันตกที่นั่งลำบาก
ข้าราชการสหรัฐราว 4.2 ล้านคนอาจจะตกงานหรือต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง เนื่องจากรัฐบาลจะต้องปิดหน่วยงานที่ไม่จำเป็นลงเพราะไม่มีเงินใช้จ่าย นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐจะไม่สามารถจ่ายเงินประกันสังคมและประกันสุขภาพให้กับชาวอเมริกันได้โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลก็จะพุ่งกระฉูดขึ้น จากเดิมที่สหรัฐเคยสามารถกู้เงินดอกเบี้ยต่ำได้ก็เพราะผู้ปล่อยกู้มีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐนั่นเอง
นางเยลเลนระบุในจดหมายที่ส่งถึงผู้นำสภาคองเกรสเมื่อวันจันทร์ (15 พ.ค.) ว่า ต้นทุนการกู้ยืมของกระทรวงการคลังได้เพิ่มขึ้นแล้วอย่างมากสำหรับตราสารหนี้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในช่วงต้นเดือนมิ.ย.นี้
*ผลกระทบลามทั่วโลก
เศรษฐกิจทั่วโลกจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย หากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากการที่ประเทศจำนวนมากซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐไว้เพราะคิดว่ามีความปลอดภัย
นอกจากนี้ การผิดนัดชำระหนี้จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง พร้อม ๆ กับความเชื่อมั่นที่มีต่อระบบการเมืองของสหรัฐ ซึ่งก็จะทำให้ประเทศต่าง ๆ ปรับลดการถือครองดอลลาร์ในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ
นางเยลเลนระบุในจดหมายที่ส่งถึงนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐว่า สหรัฐอาจผิดนัดชำระหนี้ในช่วงต้นเดือนมิ.ย.นี้ หากไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้
“หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติเพิ่มเพดานหนี้ ก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อครอบครัวอเมริกัน, ส่งผลกระทบต่อสถานะความเป็นผู้นำโลกของเรา และทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสามารถของเราที่จะปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของชาติ”
“เราได้เรียนรู้จากอดีตที่ผ่านมาว่า การรอจนถึงนาทีสุดท้ายเพื่อระงับหรือปรับเพิ่มเพดานหนี้นั้น อาจส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจและผู้บริโภค เพิ่มต้นทุนในการกู้ยืมระยะสั้นสำหรับผู้เสียภาษี และส่งผลเสียต่ออันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ” นางเยลเลนระบุ
ล่าสุดประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐได้จัดการประชุมร่วมกับนายแมคคาร์ธี รวมทั้งแกนนำในสภาคองเกรสเมื่อวันอังคาร (16 พ.ค.) เพื่อหารือเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ ซึ่งเป็นการเจรจารอบ 2 หลังจากที่การเจรจารอบแรกในสัปดาห์ที่แล้วไม่มีความคืบหน้า
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การเจรจาล่าสุดระหว่างปธน.ไบเดนและผู้นำสภาคองเกรสมีความคืบหน้า และทั้ง 2 ฝ่ายใกล้จะบรรลุข้อตกลงในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์
ทั้งนี้ หลังจากที่การเจรจาซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเสร็จสิ้นลง นายแมคคาร์ธีได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า แม้ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ในการประชุมครั้งนี้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุข้อตกลงกันได้ภายในปลายสัปดาห์นี้ และไม่ใช่เรื่องยากที่ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสจะสามารถทำข้อตกลงร่วมกัน
เราคงต้องติดตามดูกันต่อไปว่า สหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อเพิ่มเพดานหนี้ได้หรือไม่ ขณะที่บรรดาผู้นำที่เข้าร่วมการเจรจาครั้งล่าสุดนี้สามารถบรรลุฉันทามติร่วมกันว่า สหรัฐจะต้องไม่ผิดนัดชำระหนี้ และเศรษฐกิจสหรัฐจะต้องไม่เผชิญกับภาวะถดถอย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ค. 66)
Tags: SCOOP, การเงิน, ตลาดหุ้นสหรัฐ, สหรัฐ, เพดานหนี้, เศรษฐกิจสหรัฐ, โจ ไบเดน