เลือกตั้ง’66: เพื่อไทย ทิ้งทวนปราศรัยขอแลนด์สไลด์ ปิดสวิตช์ ส.ว.-3 ป. พาประเทศพ้นหลุมดำ

“เพื่อไทย” ปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้าย ชวนเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ร่วมปิดสวิตซ์ ส.ว.และ 3 ป. “แพรทองธาร” ย้ำ “ทักษิณ” พร้อมกลับมาติดคุกแบบไร้เงื่อนไข และยินดีให้คำปรึกษา หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล หวังช่วยประเทศผ่านวิกฤต ด้าน “เศรษฐา” ชี้ประเทศหมดเวลาเสี่ยงแล้ว พร้อมชวนคนไทยก้าวออกจากหลุมดำ 8 ปี เลือกเพื่อไทย ปิดโอกาสรัฐบาลเผด็จการ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายที่อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 12 พ.ค.66 ประกาศความพร้อมของพรรคที่จะเข้าไปทำงานแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยระบุว่า วันที่ 14 พ.ค.นี้เป็นถือวันประวัติศาสตร์ที่จะเปลี่ยนแปลงผู้บริหารประเทศที่มาจากเผด็จการ ไปสู่ผู้บริหารที่เสนอตัวโดยเข้ากระบวนการประชาธิปไตย

สาเหตุที่พรรคเพื่อไทยต้องมีแคนดิเดตถึง 3 คน เพราะประมาทไม่ได้กับกติกาที่เคยถูกยุบพรรคมาแล้ว 2 ครั้ง แคนดิเดตทั้ง 3 คน ทำงานเป็นทีม และทีมงานเพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น ไม่ว่าใครเป็นายกรัฐมนตรี อีก 2 คนจะช่วยสนับสนุนตลอด จนทำให้นโยบายสำเร็จทุกนโยบาย เราทำได้เสมอ จนประชาชนกลับมาเลือกเราทุกครั้ง ดังนั้น การที่พรรคเสนอชื่อแคนดิเดตทั้ง 3 คน หากมีใครถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง พรรคก็สามารถเสนอแคนดิเดตไปสานต่อนโยบายที่สัญญาให้กับประชาชนได้ ทำให้พรรคเรียนรู้ว่า เราต้องไม่ประมาททางการเมือง และไม่ทำให้การเมืองสั่นคลอน

“เคยได้ยินว่า พรรคที่ถูกรัฐประหารมา ไม่สู้เคียงข้างประชาชน ถ้าไม่สู้เคียงข้างประชาชน ดิฉันจะยืนอยู่ตรงนี้หรือ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่สู้เคียงข้างประชาชน ยุบไปแล้ว 2 ครั้ง จะกลับมาแบบนี้หรือ”นางสาวแพทองธาร กล่าว

พร้อมกล่าวถึงสาเหตุที่เดินเข้าสู่เส้นทางการเมือง เพราะต้องการเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ เพื่อคนรุ่นใหม่จะได้รับโอกาสที่หลากหลาย จากโอกาสที่สร้างขึ้นโดยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยใน 4 โอกาสหลัก ได้แก่

  • โอกาสแรก คือโอกาสการเรียนรู้เทคโนโลยีการเงิน จากนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ที่นอกเหนือจากการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งประเทศแล้ว คือการให้คนไทยเข้าใจ Blockchain Technology ที่เป็นส่วนสำคัญของวิวัฒนาการเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ราว 55 ล้านคน ได้มีพื้นฐานทางเทคโนโลยี
  • โอกาสที่สอง คือ โอกาสในการค้นหาตนเอง จากทุกความชอบที่แตกต่างกันไปของแต่ละคน ไม่จำกัดสาขา ผ่านกระบวนการคัดสรร 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ จากพรรคเพื่อไทย เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนมีช่องทางหารายได้จากสิ่งที่ถนัดและชื่นชอบ
  • โอกาสที่สาม คือโอกาสทางการศึกษา ที่จะเปิดกว้างจากทุนรัฐบาลที่สนับสนุนไปจนถึงระดับปริญญาเอก ตามความประสงค์ของผู้เรียน รวมถึงทุนเหล่าเรียนในต่างประเทศ เช่น ทุนการศึกษาสมัยไทยรักไทย ที่จะกลับมาสร้างโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียนไทยอีกครั้ง
  • โอกาสที่สี่ คือโอกาสในการเป็นผู้ประกอบการ จากการสนับสนุนของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่จะหาทุน เพื่อผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่อาจจะมีไอเดียแต่ไม่มีทุนทรัพย์ โดยพรรคเพื่อไทยจะส่งเสริมให้ประเทศไทยได้เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีการเงินของอาเซียน เพื่อกิจการที่มั่นคงของประชาชน

ซึ่งโอกาสสำคัญทั้งหมด คือการที่ประชาชนจะต้องมีรายได้มากพอในการดำรงชีวิต จากนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่จะทำให้เศรษฐกิจให้เติบโต เฉลี่ยปีละ 5% เพื่อเพิ่มตำแหน่งงานและเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ วุฒิปริญญาตรีมีรายได้เริ่มที่ 25,000 บาทต่อเดือน ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน เมื่อเศรษฐกิจขยายตัว ประชาชนทุกคนมีรายได้เพียงพอ ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยก็จะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งเหมือนยุคไทยรักไทย

พร้อมกันนี้ น.ส.นางสาวแพทองธาร ยังกล่าวด้วยว่า นายทักษิณ ชินวัตร ได้ฝากความคิดถึงและคำขอบคุณถึงมาพี่น้องประชาชนที่ยังคงนึกถึงกันตลอดด้วย

“ก่อนมาที่นี่ ดิฉันได้คุยกับคุณพ่อ ท่านบอกว่าอยากจะกลับมา ท่านพูดกับดิฉันว่า พูดอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าพ่อกลับมาติดคุก ระหว่างอยู่ในคุก ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะขอคำแนะนำ หวังว่ามันสมองของท่าน จะช่วยให้คนไทยผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจไปได้ ท่านรู้สึกซึ้งใจ ตั้งแต่ทำพรรคการเมืองมา ตั้งแต่สมัยไทยรักไทย ได้รับแรงสนับสนุนจากคนไทยถล่มทลายเสมอ และท่านไม่เคยลืมบุญคุณพี่น้องประชาชนเลย เป็นเรื่องที่อยากจะแชร์” น.ส.แพทองธาร กล่าว

พร้อมย้ำว่า 14 พ.ค.นี้ เข้าคูหากาเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ ผ่านวิกฤตไปด้วยกัน พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ประเทศไทยเปลี่ยนทันที ปิดสวิตซ์ส.ว. ปิดสวิตซ์ 3 ป. คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรีไปพร้อมๆ กัน และเลือกตั้งให้แลนด์สไลด์พาเพื่อไทยเข้าทำเนียบรัฐบาล

  • “เศรษฐา” หวังคนไทยพร้อมใจก้าวออกจากหลุมดำ 8 ปี ปิดช่องว่างรัฐบาลเผด็จการ

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวปราศรัยว่า วันอาทิตย์นี้ (14 พ.ค.) จะเป็นวันที่ประชาชนจะร่วมกันแสดงพลังพร้อมใจกันก้าวออกจากหลุมดำที่ขังเรามานานกว่า 8 ปี ก่อนหน้านี้ ประเทศไทยเคยยืนอย่างสง่างามในเวทีโลก แต่ผู้นำคณะรัฐประหารได้สร้างวิกฤต ปล้นอำนาจอธิปไตยทำลายศักดิ์ศรีของประเทศไทยในเวทีโลก เราคนไทยทุกคนล้วนเป็นผู้เสียหาย เราสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำได้ขยายตัวขึ้นทุกวัน โดยฝีมือของรัฐบาลที่ประกาศคืนความสุข แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการยึดอำนาจล้วนเป็น ความทุกข์

“รัฐบาลนี้ ได้สร้างคุกขนาดใหญ่ ขังประชาชนทั้งประเทศไว้กับความเลื่อมล้ำ ความยากจน ความยากลำบาก ขังไว้กับความไม่ธรรม ใช้กฏหมายกับคนเห็นต่าง ขังไว้กับอำนาจทรยศกับประชาชน ทั้งหมดเป็นผลไม้พิษที่มาจากการรัฐประหารในปี 57” นายเศรษฐา กล่าว

พร้อมระบุว่า ความตั้งใจของตนไม่มีอะไรซับซ้อน เข้ามาในพรรคก็มาตัวเปล่า ปราศจากคำสัญญาใดๆ กับนายทุน ผู้มีอำนาจหรือผู้มีอิทธิพล คำสัญญาหนึ่งเดียวที่ตนมีคือ คำสัญญาต่อพี่น้องประชาชนว่าจะตั้งใจทุ่มเททำงานหนัก ต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง สู้เพื่ออนาคตลูกหลาน และพร้อมนำประสบการณ์ 30 ปีในภาคธุรกิจมาทำประโยชน์ สร้างอนาคตให้กับคนไทยทุกคน ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคมีประสบการณ์ในการทำงาน และพรรคเพื่อไทยมีประวัติศาสตร์ยาวนาน วันนี้ขอโอกาสที่จะทำให้ 4 ปีข้างหน้า เจริญเติบโตรุ่งเรือง เหมือนที่พรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน ได้ทำไว้ให้กับคนไทยทุกคน

นายเศรษฐา กล่าวว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทย ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง แก้ปัญหาตั้งแต่ระดับโครงสร้างในภาพใหญ่ การแก้ปัญหาระยะสั้นจนถึงระยะยาว ประกอบกันจนเป็น Roadmap ของการพัฒนาประเทศ ถ้าเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประการแรก พี่น้องจะเห็นรัฐบาลที่เข้ามาบริหารอย่างจริงจัง ไม่ใช่บริหารแบบธุรการเหมือนที่ผ่านมา จะมียุทธศาสตร์ มีเป้าหมายที่ชัดเจน วางระบบสำหรับคนรุ่นหลังให้เดินต่อไปได้ ตนจะไม่มาบอกว่า “ถ้าไม่มีผมแล้ว ประเทศจะอยู่อย่างไร” หรือ”ถ้าผมไม่ทำ แล้วใครจะทำ”

ทั้งนี้ พรรคฯกำหนดเป้าหมายชัดเจนว่า ปี 67 จีดีพี จะต้องโตไม่ต่ำกว่า 5% และจะเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในโลก ผ่านนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท พร้อมยืนยันว่าจะรักษาวินัยการเงินการคลังเป็นอย่างดี และเชื่อมั่นว่านักลงทุนจะให้ความสนใจประเทศไทยไม่แพ้ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าคนไทยทุกคนเอามือล้วงกระเป๋าสตางค์ จะพบว่าตั๋วจำนำหมดไป แต่จะแทนที่ด้วยธนบัตรในกระเป๋ามากขึ้น หนี้สินก็น้อยลง รายจ่ายจะลดลงผ่านนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ยาเสพติดลดลงอย่างรวดเร็ว นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก และกระจายไปทั่วประเทศ

นอกจากนี้ เราจะคืนอากาศที่สะอาด เราจะลดการเกณฑ์ทหาร จะปรับโครงสร้างราคาใหม่ในเรื่อง ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน และค่าแก๊สอีกต่อไป และจะจัดการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นภาระประชาชน เช่นทำตัวเป็นนายประชาชน รีดไถประชาชน ไม่ยอมให้มีการซื้อขายตำแหน่งโดยเด็ดขาด เราจะมีรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน เป็นกฏหมายสูงสุดตามระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะไม่มีการโค่นล้มรัฐธรรมนูญ หรือทำรัฐประหารอีก เพราะเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ใครล้มรัฐธรรมนูญต้องได้รับโทษ ถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากรของชาติ

เราจะขอเชิญทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ที่อยู่ในบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง และประการสุดท้าย เราจะไม่เห็นความอยุติธรรมจากตำรวจ หรือหน่วยงานรัฐภายใต้อำนาจบริหารอีกต่อไป เราจะไม่เห็นการบังคับใช้กฏหมายอาญา มาตรา 112 เพื่อกลั่นแกล้งทางการเมือง เราจะไม่ให้คนตัวเล็กโดนกลั่นแกล้ง เราจะยกเลิกการตั้งด่านเก็บส่วยของทั้งตำรวจและหน่วยงานรัฐโดยไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป

นายเศรษฐา กล่าวว่า มีความฝันที่จะเห็นประชาชนไทยอยู่ดีกินดี ฝันว่าเศรษฐกิจจะเติบโต พร้อมกับความเจริญทางจิตใจ ฝันที่ประชาธิปไตยจะกลับคืนสู่พวกเราทุกคน และฝันว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับใช้ประชาชนอีกครั้งหนึ่ง ตนและพรรคเพื่อไทยจะต่อสู้เพื่อไม่ให้พวกเราตื่นขึ้นมาพบประเทศที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ตื่นขึ้นมาเจอผู้นำที่เป็นคนเดิมไร้หัวใจ

ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราเป็นสถาบันการเมืองที่หนักแน่น แต่ถูกกลั่นแกล้งมากที่สุด แม้ต้องเจอกับความอยุติธรรม แต่เรายังยืนหยัดแข็งแกร่ง ทำประโยชน์เพื่อประชาชน และได้รับความศรัทธาจากประชาชน ซึ่งพิสูจน์ได้จากผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา

“ผมมั่นใจว่า พวกเราก็จะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้อีกครั้งทำให้เราเป็นพรรคเดียวที่มีโอกาส ทำให้ ส.ว.ต้องฟังเสียงประชาชน การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องชนะให้มากกว่าทุกครั้งที่เราเคยมา ให้มากพอที่ส.ว.ทำตามฉันทามติของประชาชน ไม่มีข้ออ้างอีกต่อไป” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา ยืนยันว่า พรรคจะไม่ทรยศต่อคนที่ร่วมอุดมการณ์ จะรับฟังทุกเสียงของประชาชน เราจะทำงานหนัก จัดตั้งรัฐบาลที่โปร่งใส ภาพฝัน ความหวัง และนโยบายที่ได้กล่าวไปในตลอด 75 วันที่ลงพื้นที่เป็นไปได้จริง เวลานี้ประเทศต้องการคนที่มีประสบการณ์ มีความสามารถ เข้าใจกลไกการเมือง ข้าราชการ และความร่วมมือจากเอกชน มาเปลี่ยนประเทศให้พ้นวิกฤต

ประเทศไทยไม่มีโอกาสให้เสี่ยงแล้ว เสี่ยงที่จะเปิดช่องว่างให้รัฐบาลเผด็จการมากุมอำนาจตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ค้านมติของประชาชน เสี่ยงถ้าหากลงคะแนนแบบไม่มียุทธศาสตร์ ทำให้ฝ่ายเผด็จการกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้ง

ทั้งนี้ เรามีบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ในวันนั้นพรรคเพื่อไทยเราพลาดไปเพียง 17 ที่นั่ง ไม่เช่นนั้นฝ่ายประชาธิปไตยจะเป็นผู้ชนะเราจะต้องไม่ปล่อยให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกแบบไร้ยุทธศาสตร์

“ผมขอวิงวอนจากใจ อย่าเลือกเพราะความกลัว แต่ให้เลือกเพราะความชัวร์ ว่าพรรคเพื่อไทยทำได้จริง เราจะทำให้เสียงประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยเป็นใหญ่ ให้นักการเมืองฟังเสียงประชาชน และผมนายเศรษฐา ทวีสิน ขอเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ทำให้ประชาชนหลุดพ้นจากความมืดมนขอให้ทุกคนลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ทั้ง 2 ใบให้แลนด์สไลด์ทั้งประเทศ ให้จัดตั้งรัฐบาลได้อย่างมีเสถียรภาพ ให้พวกเราไปรับใช้ประชาชน ไปทำความหวังให้ทุกคนเปลี่ยนประเทศให้ได้จริง ส่งต่ออนาคตที่ดีกว่าให้ลูกหลานของเราทุกคน” นายเศรษฐา กล่าว

  • หมอชลน่าน ชวนกาเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ รวมส.ส.ฝั่งประชาธิปไตยตั้งรัฐบาลเข้มแข็ง

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปราศรัยใหญ่บนเวที “เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที” โดยกล่าวว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ส.ว. 250 คน ยังมีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรีอยู่ตามกฎหมาย ดังนั้นถ้าไม่อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ประชาชนต้องเลือกเพื่อไทยทั้ง 2 ใบให้ได้คะแนนเสียงเกินครึ่งของสภาฯ รวม ส.ส.ฝั่งประชาธิปไตยให้ได้ 375 เสียง เพื่อจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง ซึ่งทุกโพลต่างระบุตรงกันว่า พรรคเพื่อไทยมีโอกาสจะได้ ส.ส.จำนวนมากที่สุด

วันนี้จึงต้องมาบอกพี่น้องว่าเรามีความจำเป็น ต้องขอพี่น้องให้เลือกเราทั้ง 2 ใบ เลือกเราเพื่อได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่เข้มแข็ง เพื่อจะพาพี่น้องเราได้มีชีวิตที่มีเสรีภาพ มีสังคมยุติธรรม มีระบบราชการที่บริการประชาชน สำคัญกว่านั้น พรรคเพื่อไทยเราเป็นพรรคที่เก่งเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน เก่งเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจรุ่งเรือง ประชาชนมีเงินจับจ่ายใช้สอยได้คล่อง

“ถ้าพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ส.ว.จะมีความเป็นธรรม จะตัดสินใจเข้าข้างฝ่ายประชาธิปไตย และเลือกนายกรัฐมนตรีจากแคนดิเดตพรรคเพื่อไทย วันนี้จึงต้องแลนด์สไลด์ เพราะสำคัญจริงๆ ขอให้พี่น้องประชาชน กาสองบัตร เลือกเพื่อไทย ทั้งสองใบ” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยระบุ

พร้อมย้ำว่า ถ้าเราแลนด์สไลด์ ได้รัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย เรามั่นใจว่าจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และเป็นประโยชน์ประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้นขอให้ประชาชนตัดสินใจให้เด็ดขาด เลือกรัฐบาลที่มาจากฝ่ายประชาธิปไตย ที่ชื่อว่า “พรรคเพื่อไทย” รัฐบาลพรรคเพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น เรามีประสบการณ์ มีความสามารถในการบริหาร มีความสามารถแก้เศรษฐกิจ ต้องอาศัยมืออาชีพ ถึงจะนำพาประเทศรอด

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขณะนี้ ฝนทางการเมืองกำลังตกหนักเกือบทุกพื้นที่ การเลือกตั้งครั้งนี้มีคนกล่าวว่ามีการซื้อเสียงมากเป็นประวัติการณ์ ฝนนี้เป็นฝนกรด มันมีพิษ ผมมั่นใจว่าประชาชนแม้โดนฝนกรด จะเก็บฝนนั้นแล้วเข้าคูหากาเพื่อไทย

“ผมมั่นใจว่า ในวันที่ 14 พ.ค. คะแนนเลือกตั้งถล่มทลาย 286 เสียงขึ้นไป ประสบการณ์ของเรา มุ่งมั่นทำจริง ล้อเล่นไม่ได้ เอาคนไม่มีประสบการณ์มาบริหารวิกฤติไม่ได้” นพ.ชลน่าน กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้ (12 พ.ค.) พรรคเพื่อไทย ได้จัดปราศรัยใหญ่ ภายใต้แคมเปญ “เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ประเทศเปลี่ยนทัน” ที่อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก เริ่มเปิดประตูเมื่อเวลา 16.00 น. และเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น พี่น้องประชาชนเข้ามาจับจองพื้นที่ ทั้งบนอัฒจันทร์และพื้นที่ด้านล่างเต็มทันที

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ค. 66)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top