เลือกตั้ง’66: “เศรษฐา” ยันบริหารประเทศลำบาก หากเพื่อไทยไม่แลนด์สไลด์

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวระหว่างพบปะภาคธุรกิจในจังหวัดเชียงใหม่ ว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยมาเต็มทีม เพื่อให้ผู้ประกอบการมั่นใจว่ามีความพร้อมในทุกด้าน ช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ประเทศมีปัญหาต่างๆ มากมาย ประเทศจึงต้องการการเปลี่ยนแปลง ในอดีตตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ประชาชนเชื่อว่าเราคิดใหญ่ทำเป็น ผลงานที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมรับใช้ประชาชนทุกกลุ่ม การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนประเทศ ที่เราบอบช้ำมามากแล้ว การเติบโตสู้ประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ ดังนั้นจำเป็นต้องใช้มืออาชีพมาช่วยเปลี่ยนแปลง

“เราไม่มีเวลามาลองของใหม่อีกแล้ว ต้องการทีมงานที่มีคุณภาพ ต้องเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ การขับเคลื่อนประเทศต้องใช้กระทรวงต่างๆ ขับเคลื่อนไปพร้อมกัน ถ้าเพื่อไทยชนะไม่ขาด การเข้าไปบริหารจัดการจะลำบาก และเรามั่นใจว่าเพื่อไทยพร้อมที่สุด” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวเพิ่มเติมว่า การแข่งขันดุเดือดทุกพื้นที่ แต่พรรคมั่นใจว่าที่เป็นบ้านของเราตรงนี้ เราจะชนะยกจังหวัด หลายพรรคพยายามจะแย่งพื้นที่ วันนี้เราจึงมาให้ความสำคัญด้วยการยกทีมใหญ่มา ไม่กังวลถึงกระแสของพรรคก้าวไกลที่มาแรงช่วงนี้ ยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงส่วนมากอยู่

อย่างไรก็ดี นายเศรษฐา ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวิตข้อความเตรียมกลับไทยในเดือน ก.ค.นี้ เพรายังไม่ได้ประเมินว่าจะส่งผลต่อการเลือกตั้งของพรรคอย่างไร

“ท่านเป็นคุณพ่อ คุณตา และเป็นคุณปู่ ตรงนี้ก็น่าเห็นใจ เพราะท่านพูดมาว่า 17 ปีไม่ได้กลับบ้าน และอายุมากแล้ว อยากที่จะกลับมา แต่ท่านก็พูดชัดเจนคือการกลับเข้ามาตามกระบวนการยุติธรรม และไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย เหนือสิ่งอื่นใด การที่ท่านประกาศจะกลับช่วงเดือน ก.ค.ก็เป็นช่วงที่รัฐบาลปัจจุบันยังรักษาการอยู่ ฉะนั้นก็ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ส่วนจะส่งผลเป็นแรงบวกหรือแรงลบ ประชาชนต้องตัดสินเอง ผมพูดในฐานะแคนดิเดตนายกฯ และคนเป็นพ่อ ว่าเห็นใจท่าน” นายเศรษฐา กล่าว

ส่วนกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์เรื่องการยึดกระทรวงคมนาคมทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะได้ ส.ส.กี่คนนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องขอความเป็นธรรม เพราะหลายพรรคก็พูดว่าถ้าเป็นรัฐบาลจะเอากระทรวงใด กระทรวงคมนาคมก็เป็นกระทรวงหลัก และที่ตนไปพูดกับสหกรณ์รถแท็กซี่ เพราะเกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคมโดยตรง และถือเป็นหนึ่งในกระทรวงเศรษฐกิจที่พรรคเพื่อไทยมีความชำนาญในการบริหารอยู่แล้ว ตนไม่ได้ประกาศว่าจะยึด แต่มีคำถามว่าหากได้เป็นรัฐบาล ก็อย่าไปยกกระทรวงนี้ให้คนอื่น ตนก็ตอบว่าใช่ ไม่ใช่ไม่ให้เกียรติประชาชน

“ต้องไปดูทั้งหมดว่ามีบทสนทนาออกมาเช่นนั้น มีความเป็นมาอย่างไร ก็ต้องขอความเป็นธรรม ผมไม่ได้ตั้งใจล่วงอำนาจประชาชน แน่นอนว่าต้องเลือกตั้งมาก่อน และต้องมีการประกาศผลจากทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นขั้นเป็นตอนอยู่แล้ว” นายเศรษฐา กล่าว

ส่วนเรื่องอำนาจในการตัดสินใจนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนมีความเข้าใจเรื่องการเมืองดีว่าจริงๆ แล้วพื้นฐานของการเล่นการเมือง เราเข้ามาทำเพื่อพี่น้องประชาชน คนที่มีอำนาจจริงๆ คือประชาชน ตนไม่ปฏิเสธว่าตนไม่มีอำนาจจริง เพราะคนที่มีอำนาจจริงคือประชาชน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top