หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์รอลุ้นเงินเฟ้อสหรัฐ-เจรจาขยายเพดานหนี้ไร้ข้อสรุป

นักวิเคราะห์มองตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ ตลาดรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่เป็นปัจจัยสำคัญบ่งชี้ว่าเฟดจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าหรือไม่ และการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน กับประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เกี่ยวกับการขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐไร้ข้อสรุปเมื่อวานนี้ ซึ่งจะนัดเจรจากันใหม่ในวันศุกร์นี้ทำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุน พร้อมให้แนวรับแรกที่ 1,555 จุด หากหลุดให้แนวรับถัดไป 1,550 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,570 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะแกว่งไซด์เวย์ แกว่งในกรอบ 1,550-1,570 จุด โดยนักลงทุนรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่บ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) หยุดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า โดยก่อนหน้านี้เฟดก็ได้ส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเลขเงินเฟ้อ ว่าจะออกดีหรือแย่ และตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาดีกว่าคาด

นอกจากนี้ตลาดยังกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ โดยเมื่อวานการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป และจะนัดเจรจาอีกครั้งในวันศุกร์นี้ (12 พ.ค.) ทำให้นักลงทุนอยู่ในโหมดระมัดระวังการลงทุน

พร้อมให้แนวรับแรกที่ 1,555 จุด หากหลุดให้แนวรับถัดไป 1,550 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,570 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (9 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,561.81 จุด ลดลง 56.88 จุด หรือ -0.17%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,119.17 จุด ลดลง 18.95 จุด หรือ -0.46% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,179.55 จุด ลดลง 77.36 จุด หรือ -0.63%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 29,189.41 จุด ลดลง 53.41 จุด หรือ -0.18%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,860.50 จุด ลดลง 7.08 จุด หรือ -0.04% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,347.70 จุด ลดลง 9.97 จุด หรือ -0.30%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 พ.ค.66) 1,564.66 จุด เพิ่มขึ้น 2.41 จุด (+0.15%) มูลค่าการซื้อขาย 52,794.94 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,618.03 ลบ. เมื่อวันที่ 9 พ.ค.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.(9 พ.ค.66) เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 73.71 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 พ.ค.66) อยู่ที่ 2.95 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.68 แข็งค่าสุดในภูมิภาค รับเม็ดเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตรหนุน

– ซีอีโอ-บิ๊กธุรกิจกังวลการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง “ยืดเยื้อ-ไม่ลงตัว” กระทบความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ-การลงทุน อีไอซีหวั่นประกาศใช้ พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2567 “ล่าช้า” ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ “บุญชัย โชควัฒนา” เจ้าสัวสหพัฒน์ไม่แคร์ “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ขอให้เร่งฟอร์มรัฐบาล โจทย์ใหญ่ต้องเร่งปราบคอร์รัปชั่น และจัดการปัญหาต้นทุนผู้ประกอบการ ประธานสภาตลาดทุน หวั่นตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยป่วนตลาดทุน นายกสมาคมคอนโดฯ จี้รัฐบาลใหม่เร่งเดินหน้าโครงการไฮสปีด 3 สนามบินบูมอีอีซีฟ้นเชื่อมั่นการลงทุน “ศุภชัย เจียรวนนท์” เสนอ 7 นโยบายรัฐบาลใหม่สู่เศรษฐกิจดิจิทัล

– กองทุนน้ำมันฯ ลดราคาดีเซลลงอีก 50 สตางค์ กดดันรถบรรทุกลดค่าขนส่งลงตามที่เคยรับปาก ด้านสมาคมขนส่งฯ ขอดีเซลลงครั้งละ 1 บาท ตรึงเพดานราคา 25 บาท/ลิตร

– ยุทธศาสตร์การเป็นศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของไทยสะดุด “บอร์ดอีวี” ดันมาตรการส่งเสริมไม่ต่อเนื่อง เสนอไม่ทันครม.นี้ “สุพัฒนพงษ์” โยนรัฐบาลใหม่พิจารณางบ เงินอุดหนุนซื้อรถอีวี และตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เอกชนหวั่นนโยบายลักกะปิดลักกะเปิดกระทบอุตสาหกรรมยานยนต์

– ตลาดจีนเที่ยวไทยความหวัง ฟื้นเศรษฐกิจ ขยับแรงครึ่งปีหลัง “ททท.” ชี้แนวโน้ม พ.ค.ยอดมาเยือนแตะล้าน สายการบิน ขอทำการบินช่วงซัมเมอร์จากจีนเข้าไทยกว่า 6 ล้านที่นั่ง ดันทัวริสต์จีนทะลุเป้าหมาย 5.3 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 4.46 แสนล้าน เตรียมหารือ “กต.” สัปดาห์หน้า เร่งแก้ปัญหาออกวีซ่าไม่เพียงพอดีมานด์

 

หุ้นเด่นวันนี้

– BJC (เมย์แบงก์)เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 44.25 บาท แนวโน้มกำไรได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคและการท่องเที่ยว รวมทั้งการเลือกตั้ง จะส่งผลบวกต่อทั้งธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค และธุรกิจบิ๊กซี ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามยอดขายที่เติบโต ผสานกับต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง

– BCPG (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 14.50 บาท บริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ 512 ล้านบาท +73%QoQ, -62%YoY ส่วนผลการดำเนินงานปกติยังลดลง QoQ, YoY เนื่องจาก Adder โครงการ Solar Farm ในประเทศไทยทยอยหมดลง ประกอบกับการหยุดผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนในลาวจากปัญหาสายส่ง และไม่มีส่วนแบ่งกำไรจาก Geothermal อินโดนีเซีย อย่างไรก็ตามเชื่อว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและน่าจะเห็นการทยอยฟื้นตัวในไตรมาส 2/66 หนุนจากค่า Ft ที่ยังอยู่สูง รับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ บางส่วนเข้ามาเต็มไตรมาสราว 90 ล้านบาท ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาวจะสามารถขายไฟฟ้าไปเวียดนาม ส่วนใน 2H66 จะเข้าช่วง high season ของเขื่อนในลาว และจะมีการรับรู้ธุรกิจคลังจัดเก็บน้ำมันและท่าเทียบเรือและโรงไฟฟ้าในสหรัฐเข้ามามากขึ้น ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 66 ที่ 1.68 ล้านบาท -36%YoY ก่อนจะฟื้นตัวเป็น 1.89 พันล้านบาท +12%YoY

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top