นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ มีโอกาสรีบาวด์ ตามตลาดหุ้นต่างประเทศและราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา ขานรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐดีกว่าคาด และเฟดส่งสัญญาณหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป ให้แนวรับไว้ที่ 1,520 จุด และแนวต้าน 1,540-1,542 จุด หากผ่านได้ให้แนวต้านถัดไป 1,550 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสรีบาวด์ ตามตลาดหุ้นในต่างประเทศ และราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้น ในวันศุกร์ที่ผ่านมา(5 พ.ค.) ตอบรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.ของสหรัฐ ออกมาดีกว่าคาด ทำให้นักลงทุนคลายกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย ประกอบกับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการส่งสัญญาณที่จะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป พร้อมแนะติดตามการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ในสัปดาห์นี้
ให้แนวรับไว้ที่ 1,520 จุด และแนวต้าน 1,540-1,542 จุด หากผ่านได้ให้แนวต้านถัดไป 1,550 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (5 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,674.38 จุด เพิ่มขึ้น 546.64 จุด หรือ +1.65%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,136.25 จุด เพิ่มขึ้น 75.03 จุด หรือ +1.85%, และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,235.41 จุด เพิ่มขึ้น 269.01 จุด หรือ +2.25%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 29,095.46 จุด ลดลง 62.49 จุด หรือ -0.21% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,128.18 จุด เพิ่มขึ้น 78.87 จุด หรือ +0.39% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,340.99 จุด เพิ่มขึ้น 6.49 จุด หรือ +0.19%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 พ.ค.66) 1,533.30 จุด เพิ่มขึ้น 4.87 จุด (+0.32%) มูลค่าการซื้อขาย 54,974.69 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,869.91 ลบ. เมื่อวันที่ 3 พ.ค.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.(5 พ.ค.66) พุ่งขึ้น 2.78 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 71.34 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังคงร่วงลง 7.1% ในรอบสัปดาห์นี้
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 พ.ค.66) อยู่ที่ 2.64 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.92 แข็งค่าจากสัปดาห์ก่อน ให้กรอบวันนี้ 33.75-34.05 จับตาทิศทาง Flow
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 66 (ต.ค.65-มี.ค.66) ว่า รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1.16 ล้านล้านบาท ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณ 1.79 ล้านล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลไป 294,505 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน มี.ค.66 มีทั้งสิ้น 193,585 ล้านบาท
- “สรรพสามิต” เล็งของบอุดหนุนมาตรการ “อีวี” เพิ่มอีก 3,000 ล้านบาท รองรับผู้เข้าร่วมมาตรการเพิ่ม ประเมินปี 67 ยอดผลิตและยอดซื้อรถอีวีพุ่ง หลังค่ายรถยนต์ต้องเริ่มผลิตรถอีวีในประเทศชดเชยตามเงื่อนไขโครงการจะต้องใช้เงินกว่า 4 หมื่นล้านบาท ในการส่งเสริม พร้อมปรับรายละเอียดมาตรการส่งเสริมใหม่หลังเสนอ ครม.เห็นชอบ
- ลุ้นระทึก 9 พ.ค. รฟท.-สกพอ. ถก “เอเชีย เอรา วัน” แก้สัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน เร่งหาข้อยุติพื้นที่ทับซ้อนบางซื่อ-ดอนเมือง หวั่นไฮสปีดไทย-จีน ดีเลย์ ขีดเส้น 3 เดือน หากเอกชนเมินก่อสร้าง แนะรฟท.เปิดประมูลจ้างผู้รับเหมา คาดเจรจาจบปีนี้
- “ซีอีโอ” หวังรัฐบาลใหม่มีเสถียรภาพ เร่งฟื้นเศรษฐกิจ กระตุ้นส่งออก ดึงต่างชาติลงทุน ดันไทยขึ้น “ฮับ” หนุนใช้เทคโนโลยีเปิดโอกาสคนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมแก้ปัญหา “โออาร์” หวังรัฐบาลใหม่ดันไทยขึ้นฮับการค้าภูมิภาค “AWC” แนะอำนวยความสะดวกดึงต่างชาติท่องเที่ยวลงทุนไทย สรท.ขอให้แก้ต้นทุนผู้ส่งออก-แก้ปัญหาค่าไฟ “ส.โรงแรม” ร้องรัฐเร่งปลุกท่องเที่ยวยั่งยืน
*หุ้นเด่นวันนี้
- AOT (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 82 บาท มีข่าวดีสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT จะเพิ่มสิทธ์ (Slot) เที่ยวบินให้กับสายการบินจีนจากปัจจุบัน 152 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็น 327 เที่ยวบินในเดือน มิ.ย.
- AURA (กสิกรไทย) ราคาเป้าหมาย 19.34 บาท คงประมาณการกำไรปกติปี 2566-68 และราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 19.34 บาท แต่ปรับเพิ่มคำแนะนำสำหรับ AURA จาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” จากความคาดหวังเชิงบวกสำหรับผลประกอบการทางการเงินช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ของบริษัทฯ และการประเมินมูลค่าที่มีราคาลดลง ชอบพื้นฐานทางธุรกิจของ AURA เนื่องจาก 1) บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วทั้งในธุรกิจค้าทองคำและธุรกิจสินเชื่อ และ 2) ความสามารถในการแข่งขันที่สูงกว่าร้านทองรายย่อยซึ่งน่าจะส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดรายได้สูงขึ้น
- CPN(คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 79.50 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 1/66 เพิ่มขึ้น QoQ, YoY ยังมีโมเมนตัมบวกจากปัจจัยหนุนของฤดูการท่องเที่ยวและการเปิดประเทศของจีน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ประกอบกับมาตรการช็อปดีมีคืน ทำให้รายได้จากธุรกิจศูนย์การค้า (Traffic / รายได้ค่าเช่าพื้นที่ / ค่าบริการส่วนกลาง) ธุรกิจอาหาร (ผู้ใช้บริการ) และธุรกิจโรงแรม (อัตราเข้าพัก / ราคาห้องพักเฉลี่ย) เติบโต สำหรับแนวโน้มปี 66 ตลาดคาดกำไรอยู่ที่ 1.26 หมื่นล้านบาท +17%YoY มีแผนการขยายศูนย์การค้าต่อเนื่อง โดยโครงการ Marche ทองหล่อเปิดให้บริการปลาย มี.ค.66 ส่วน Central Westville ราชพฤกษ์จะเสร็จในไตรมาส 4/66 และยังมีโครงการพัฒนาอสังหาฯ ที่รอโอนอยู่ในช่วงครึ่งปีหลังปี 66
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ค. 66)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย