นายภาณุวิชญ์ ไทยานนท์ ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด (Merkle Capital) ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล เปิดเผยถึงมุมมองการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลในเดือน พ.ค.66 (Macroeconomics Perspective) ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของอเมริกาหลังจากตัวเลข GDP ไตรมาส 1/66 ออกมาแย่กว่าคาด แต่ภายในตัวเลข GDP นั้นฝั่ง Customer Spending นั้นยังดูดีมาก เพียงแต่ฝั่ง Inventory Investment ที่เกี่ยวกับการลงทุนในการสต็อกสินค้านั้นติดลบ ทำให้ตัวเลขออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
แต่อย่างไรก็ตาม Customer Spending ส่งผลทั้งเชิงบวกและเชิงลบ เชิงบวกแสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจว่ายังคงขับเคลื่อนไปได้ แต่ตราบใดที่ผู้คนยังจับจ่ายใช้สอยก็ยิ่งทำให้เงินเฟ้อนั้นลดลงยากขึ้น อย่างไรก็ตามในเดือน พ.ค.66 นี้มีตัวเลข 3 ตัวที่อาจจะส่งผลต่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันที่ 3 พ.ค.นี้ตลาดคาดว่าจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้ 0.25% ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 5.25% ซึ่งทางนักวิเคราะห์มองว่าถ้าเฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในอัตรานี้จะส่งผลให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลตอบสนองในเชิงบวก เนื่องจากการขึ้น 25 Basis Point ยังถือว่าไม่ได้รุนแรงเกินไป และดอกเบี้ยที่ 5.25% นั้นอยู่ในค่าเฉลี่ยของ FED Dot plot อีกด้วย
และวันที่ 5 พ.ค. จะมีการเปิดเผยอัตราการว่างงานของสหรัฐ และตัวเลขการจ้างงาน รอบนี้น่าสนใจเนื่องจากต้องมองดูว่าผลประกอบการของบริษัทในอเมริกาในไตรมาสที่ 1 ที่ต่างรายงานออกมาว่าได้กำไรนั้น อาจจะมีกำไรจากการปลดพนักงานออกไปไม่มากก็น้อย ถ้าตัวเลขออกมาว่าคนว่างงานมากขึ้น ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอาจจะมีการตอบสนองในเชิงบวกเนื่องจากตัวเลขนี้อาจจะทำให้เฟดตัดสินใจที่จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยไปมากกว่านี้นั่นเอง
วันที่ 10 พ.ค.จะมีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐหรือ Customer Price Index (CPI) เดือน มี.ค.ที่ถือว่าเป็นตัวเลขสำคัญที่การันตีว่าในไตรมาส 1/66 เงินเฟ้อลดลงอย่างก้าวกระโดดหรือไม่ ถ้าออกมาว่าตัวเลขเงินเฟ้อลดลงแสดงให้เห็นว่าการขึ้นดอกเบี้ยอย่างก้าวกระโดดของเฟดเริ่มออกฤทธิ์แล้ว และอาจส่งผลให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลตอบรับในเชิงบวก เพราะทำให้เฟดเริ่มเหยียบเบรกการขึ้นดอกเบี้ยไปมากกว่านี้ได้
*ราคา Bitcoin
หลังจากปรับตัวลงจากข่าวการเข้าตรวจสอบอย่างเข้มข้นของ US Regulator ที่ทำให้ Exchange ชื่อดังอย่าง Coinbase ต้องย้ายที่ทำการออกจากสหรัฐ ทำให้ราคา Bitcoin กลับมาอยู่ในโซน 28,500 ดอลลาร์ อีกครั้ง ในเดือนนี้ต้องจับตามองเรื่องราวของ US Regulator และ Crypto Exchange ว่าจะมีทางลงหรือทางออกแบบใด
มองว่า Bitcoin ยังคงสามารถทยอยเข้าซื้อได้ในโซนนี้เนื่องจากช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เฟดกำลังดันดอกเบี้ยให้อยู่ในจุดที่สูง ดังนั้นการทยอยเก็บของในโซนนี้ในมุมมองของการลงทุนระยะยาวถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดี โดยมีแนวรับสำคัญที่ 28,400 ดอลลาร์ และแนวต้านที่ราคา 30,400 ดอลลาร์ เป็นกรอบราคาหลักในเดือนนี้
*ราคา Ethereum
หลังจากอัพเกรดระบบ Chapella ในช่วงสงกรานต์สำเร็จทำให้ราคาของ ETH พุ่งขึ้นไปแตะ 2,150 ดอลลาร์อีกครั้ง และปรับตัวลงหลังจากเกิดข่าวการเข้าตรวจสอบของ US Regulator ทำให้ราคาปัจจุบันอยู่ในโซนที่ 1,848 ดอลลาร์ ซึ่งหลังจากทำการเปิดให้ปลด Stake ETH สิ่งที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าจะมีคนถอน ETH ออกมาขายในจำนวนที่เยอะนั้นกลายเป็นว่าไม่เป็นตามนั้น เนื่องจากนักลงทุนยิ่งกลับเข้ามา Stake ETH มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในเดือนนี้ให้จับตามองสถานการณ์ของ Node ของ ETH ให้ดีว่าจะมีการเพิ่มขึ้นลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญหรือไม่ โดยมีแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาอยู่ที่ 1,800 ดอลลาร์ และแนวต้านที่ 1,950 ดอลลาร์ เป็นกรอบในเดือนนี้
*ราคาในกลุ่มเหรียญ Liquid Staking
เทรนด์ของ LSD หรือ Liquid staking Derivative นั้นกำลังเริ่มการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้น เนื่องจากมีนักลงทุนมากหน้าหลายตาเริ่มขยับเงินเข้ามาเปิด ETH Validator node กันมากขึ้น ทำให้แพลตฟอร์มที่รับ Stake ETH นั้นเริ่มต้องมีการทำการตลาดที่ดีขึ้นเพื่อดึงเม็ดเงินเข้ามาในแพลตฟอร์มตัวเอง ยกตัวอย่างแพลตฟอร์ม Rocket Pool ที่กำลังเริ่มดึงเม็ดเงินจาก แพลตฟอร์มเจ้าตลาดอย่าง LIDO ทีละนิดๆ ในเดือนนี้ให้จับตาการประกาศทิศทาง Proposal ของแต่ละแพลตฟอร์มให้ดี เพราะอาจจะมีผลต่อทิศทางราคาได้
นายมานะ คานิโยว Head of Commercial & Investment Consultant เมอร์เคิล แคปปิตอล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในอดีตจะเห็นได้ว่ายิ่งช่วงใกล้ Havling มากขึ้นเท่าไหร่ราคาของ Bitcoin มักจะขยับตัวไปในทิศทางบวกเสมอ ราคา Bitcoin มักจะเป็นผลบวก 12 เดือนก่อนและหลัง Halving ทั้งนี้ Halving ที่จะถึงในปี 2024 ช่วงเดือน เม.ย.อาจจะทำให้ Bitcoin ไม่ได้เพิ่มราคาขึ้นในอัตราสูงเหมือนในอดีตก็เป็นได้ เนื่องจากกว่า 92% ของ Bitcoin supply ทั้งหมดได้ถูกขุดออกมาแล้ว แต่ยังไงก็ยังคงเป็น Catalyst ช่วยผลักดันราคาให้ปรับขึ้นอยู่ดี
ส่วนเรื่องของภาพรวมเศรษฐกิจ เฟดกำลังขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปในช่วงพีคในเดือน พ.ค.นี้ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยน่าจะคงที่ไประยะหนึ่งก่อนที่เฟดจะทำการผ่อนคลายในเชิงนโยบายการเงิน สรุปมองว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่น่าเก็บสะสม Bitcoin และรอให้ราคา Outperform
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ค. 66)
Tags: bitcoin, Cryptocurrency, Ethereum, คริปโทเคอร์เรนซี, บิตคอยน์, ภาณุวิชญ์ ไทยานนท์, มานะ คานิโยว