กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เรียกร้องในวันนี้ (28 เม.ย.) ให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปจนถึงกลางปี 2567 และขอให้กลุ่มรัฐมนตรีคลังประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) คุมเข้มนโยบายการคลัง เพื่อฉุดเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2%
ทั้งนี้ นายอัลเฟรด แคมเมอร์ หัวหน้าฝ่ายยุโรปของ IMF แถลงข่าวก่อนถึงการประชุมระดับรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลาง EU ว่า เงินเฟ้อถือเป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวลมากที่สุด
“ข้อเสนอแนะด้านนโยบายหลัก ๆ ของเราคือการฉุดเงินเฟ้อลงให้ได้ ซึ่งหมายความว่าเราจำเป็นต้องใช้เครื่องมือจากนโยบายการเงิน โดย ECB ต้องเดินหน้าคุมเข้มนโยบายการเงินเพิ่มเติมและยาวนานยิ่งขึ้นจนถึงช่วงกลางปี 2567 เพื่อฉุดเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายในช่วงปี 2568”
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ECB ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุก เพื่อฉุดเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% โดยปรับขึ้นจากระดับ 0% ในช่วงกลางปี 2565 สู่ระดับ 3.5% ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา แต่มีนักวิเคราะห์เพียงไม่กี่รายที่คิดว่า ECB จะคุมเข้มนโยบายต่อหลังปี 2567
นอกจากนี้ นายแคมเมอร์ระบุว่า เหล่ารัฐมนตรีคลังของ EU จะต้องช่วยสนับสนุน ECB ด้วยการลดมาตรการกระตุ้นทางการคลังที่นำออกมาใช้ในช่วงโรคโควิด-19 ระบาด และใช้ต่อเนื่องในช่วงที่เกิดวิกฤตค่าครองชีพจากผลพวงของเหตุการณ์รัสเซียยกพลบุกโจมตียูเครน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 เม.ย. 66)
Tags: ECB, IMF, กองทุนการเงินระหว่างประเทศ, ธนาคารกลางยุโรป, นโยบายการเงิน, อัลเฟรด แคมเมอร์, เงินเฟ้อ