PTTEP กำไร Q1/66 โตรับผลดีรายจ่ายลด-รายได้ลดลง 2.3 พันลบ.ตามปริมาณการขาย

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/66 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิที่ 569 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 19,281 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/65 เนื่องจากรายจ่ายจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (Non-operating items) ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่กำไรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 10,519 ล้านบาท

บริษัทมีรายได้รวมในไตรมาสแรกของปีนี้ 2,314 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สรอ.) (เทียบเท่า 78,438 ล้านบาท) ลดลงประมาณ 14% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/65 โดยหลักมาจากปริมาณการขายเฉลี่ยลดลงมาอยู่ที่ 460,817 บาร์เรล/วัน เนื่องจากปริมาณการขายจากโครงการในต่างประเทศลดลง

จากผลการดำเนินงานในรอบ 3 เดือนแรกของปี 66 บริษัทสามารถนำส่งรายได้ให้กับรัฐ ซึ่งอยู่ในรูปภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่น ๆ ราว 8,300 ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น

นายมนตรี กล่าวว่า บริษัทมีความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ที่เน้นการลงทุนในพื้นที่ยุทธศาสตร์ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยชนะประมูลแปลงสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทย รอบที่ 24 จำนวน 2 แปลง คือ แปลงจี 1/65 และแปลงจี 3/65 ซึ่งอยู่ใกล้กับโครงการจี 1/61 และจี 2/61 ที่ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้สามารถเร่งแผนการพัฒนาโครงการได้รวดเร็วขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ

นอกจากนี้ ยังได้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัทน้ำมันและก๊าซฯ ของมาเลเซีย เพื่อเข้ารับสิทธิการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแปลงเอสเค 325 ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะสามารถต่อยอดการเติบโตในประเทศมาเลเซียได้อย่างต่อเนื่อง

ด้านความคืบหน้าในโครงการจี 1/61 (แหล่งเอราวัณ, ปลาทอง, สตูล, ฟูนาน) บริษัทเร่งเจาะหลุมผลิต เพื่อให้สามารถเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซฯ ตามแผนงานที่วางไว้ โดยจะเพิ่มเป็น 400 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันภายในกลางปีนี้ และจะเพิ่มเป็น 600 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันในปลายปี จากนั้นจะขึ้นมาที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันในเดือน เม.ย.67 ซึ่งจะมีส่วนช่วยลดผลกระทบด้านต้นทุนพลังงานให้กับประชาชน

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 (Net Zero Greenhouse Gas Emissions by 2050) นั้น PTTEP หลีกเลี่ยงและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสะสมได้ประมาณ 1.7 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากปีฐาน 2563 จนถึงปลายไตรมาสที่ 1 นี้ จากการบริหารจัดการการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P Portfolio) และกิจกรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิต ได้แก่ การนำก๊าซส่วนเกินจากกระบวนการผลิตปิโตรเลียมกลับมาใช้ใหม่ การปรับปรุงกระบวนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการใช้พลังงานหมุนเวียน เป็นต้น

ด้านโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) แหล่งอาทิตย์ ซึ่งเป็นโครงการนำร่องสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์นั้น อยู่ระหว่างการศึกษาและออกแบบด้านวิศวกรรม (Front-End Engineering and Design: FEED) โดยบริษัทคาดว่าจะตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision) ในครึ่งหลังปีนี้ ส่วนการพัฒนาพลังหมุนเวียนแสงอาทิตย์ของโครงการเอส 1 กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

นอกจากนี้ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านของธุรกิจพลังงานและสร้างการเติบโตในอนาคต PTTEP ได้ปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ โดยได้จัดตั้งหน่วยงานเทคโนโลยีและคาร์บอนโซลูชั่น เพื่อมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนและไฟฟ้า ไฮโดรเจน การดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) รวมถึงการดักจับคาร์บอนและการนำมาใช้ประโยชน์ (CCU) เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 เม.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top