สถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศแห่งกรุงสต็อกโฮล์ม (SIPRI) เผยแพร่รายงานในวันนี้ (24 เม.ย.) ระบุว่า การใช้จ่ายด้านการทหารทั่วโลกพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมา โดยสงครามของรัสเซียในยูเครนใช้งบประมาณด้านการทหารรายปีเพิ่มขึ้นมากที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็นเมื่อสามทศวรรษที่แล้ว
สถาบัน SIPRI ระบุในว่า ค่าใช้จ่ายด้านการทหารเพิ่มขึ้น 3.7% ในปี 2565 แตะที่ระดับ 2.24 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
การรุกรานยูเครนของรัสเซีย ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนก.พ. 2565 หลังจากความตึงเครียดที่คุกรุ่นมาหลายปี ส่งผลให้ชาติต่าง ๆ ในยุโรปรีบเสริมกำลังป้องกันประเทศของตน
การใช้จ่ายด้านการทหารในยุโรปพุ่งขึ้น 13% ในปี 2565 โดยสาเหตุหลักมาจากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของยูเครนและรัสเซีย แต่หลายประเทศในยุโรปก็เพิ่มงบกลาโหมและวางแผนที่จะปรับเพิ่มขึ้นอีก ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้น
รายงานระบุว่า การใช้จ่ายด้านการทหารของยูเครนพุ่งขึ้น 640% ในปี 2565 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายปีที่มากที่สุด นับตั้งแต่เริ่มบันทึกข้อมูลเมื่อปี 2492 โดยยอดรวมดังกล่าวไม่รวมถึงความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อการใช้จ่ายด้านการทหารจากชาติตะวันตก
ทั้งนี้ SIPRI ประเมินว่า สหรัฐให้ความช่วยเหลือด้านการทหารแก่ยูเครน คิดเป็นประมาณ 2.3% ของการใช้จ่ายด้านการทหารทั้งหมดของสหรัฐในปี 2565
ขณะที่การใช้จ่ายด้านการทหารของรัสเซียเพิ่มขึ้นประมาณ 9.2% อย่างไรก็ตาม SIPRI ยอมรับว่าตัวเลขนั้นมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากความไม่โปร่งใสของหน่วยงานทางการเงินที่เพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่เริ่มสงครามยูเครน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 เม.ย. 66)
Tags: ยูเครน, รัสเซีย, สงครามยูเครน