หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้ามีโอกาสอ่อนตัวลงตามภูมิภาค กังวลทิศทางดอกเบี้ยเฟด

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ มีโอกาสอ่อนตัวลงต่อตามตลาดภูมิภาค จากนักลงทุนกลับมากังวลเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หลังการส่งสัญญาณของเจ้าหน้าที่เฟดหลายสาขาเริ่มมีความไม่แน่นอน ประกอบกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐที่ประกาศออกมาก็มีความผสมผสาน รวมถึงฟันด์โฟลว์ต่างชาติยังเป็นลบ ให้แนวรับไว้ที่ 1,570 จุด และแนวต้าน 1,600 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสอ่อนตัวลงต่อ เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลังจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในหลายสาขา ได้มีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่นอนอยู่มาก เช่น เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในการประชุมเดือนพ.ค.นี้ ก่อนที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง หรือปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ทำให้ตลาดกลับมากังวลในประเด็นดังกล่าว

ทั้งนี้การทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐออกมาผสมผสาน รวมถึงเงินทุนต่างชาติยังเป็นลบ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในหลายประเทศปรับตัวสูงขึ้น และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่า หลังตัวเลขเงินเฟ้ออังกฤษ และหลายประเทศยังอยู่ในระดับสูง

ให้แนวรับไว้ที่ 1,570 จุด และแนวต้าน 1,600 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (19 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,897.01 จุด ลดลง 79.62 จุด หรือ -0.23%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,154.52 จุด ลดลง 0.35 จุด หรือ -0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,157.23 จุด เพิ่มขึ้น 3.81 จุด หรือ +0.03%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 28,472.00 จุด ลดลง 134.76 จุด หรือ -0.47%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,354.83 จุด ลดลง 12.93 จุด หรือ -0.06% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,367.05 จุด ลดลง 3.08 จุด หรือ -0.09%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 เม.ย.66) 1,580.73 จุด ลดลง 13.12 จุด (-0.82%) มูลค่าการซื้อขาย 55,197.94ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,883.19 ลบ. เมื่อวันที่ 19 เม.ย.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.(19 เม.ย.) ร่วงลง 1.70 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 79.16 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 เม.ย.) อยู่ที่ 2.50 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.44 แข็งค่าเล็กน้อย ตลาดรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯคืนนี้

– ส.อ.ท. เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตฯ เดือน มี.ค. 66 แตะ 97.8 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และสูงสุดในรอบ 10 ปี ผลพวงกำลังซื้อภูมิภาคพุ่งจากรายได้ภาคเกษตรและภาคท่องเที่ยวหนุน แต่ยังกังวลศก.โลกชะลอ จี้รัฐทบทวนค่าไฟงวด พ.ค.-ส.ค.ให้เหลือต่ำกว่า 4.40 บาทต่อหน่วยเพิ่มขีดแข่งขัน จับตา “กกร.” ถก 3 พ.ค.นี้เตรียมรวบรวมแนวทางขับเคลื่อน ศก.เสนอรัฐบาลใหม่

– มอร์นิ่งสตาร์ ชี้ ฟื้นกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) หนุนตลาดหุ้นไทยเติบโตอย่างมีนัยยะ ช่วงปี 60 มีเงินไหลเข้า LTF ถึง 3.7 หมื่นล้านบาท เฉพาะ Q4/60 มีเงินเข้าสูงสุดถึง 1.5 หมื่นล้านบาท หลังยกเลิก LTF ส่งผลให้มูลค่าตลาดฯ ลดลงมาก ลุ้นรัฐบาลและรมว.คลังของรัฐบาลใหม่เห็นชอบหรือไม่ ภาพรวม AUM กองทุนรวมไทย Q1 แตะ 4.9 ล้านล้านบาท

– กกพ.คาดเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบสอง อีก 3,668.5 เมกะวัตต์ ภายใน มิ.ย.-ส.ค.นี้ ส่วนกรณี “ศรีสุวรรณ” ยื่นฟ้องศาลปกครองระงับลงนาม PPA การรับซื้อไฟฟ้าฯ รอบแรกจะไม่ส่งผลกระทบ

– นายกฯ ห่วงโควิดพุ่ง สั่งทุกหน่วยดูแล สธ.ยังไม่สรุปคนงานเมียนมาเสียชีวิตจาก “XBB.1.16” คาด 1-2 สัปดาห์รู้ผล หลังตรวจ ATK พบติดเชื้อ ประชาชนแห่ฉีดวัคซีน “กรมการแพทย์” เผย 4 จุดรับวัคซีนพื้นที่ กทม. 5 แห่งในต่างจังหวัด

 

หุ้นเด่นวันนี้

– CPALL (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 72.75 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 เพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy จาก SSSG ที่เพิ่ม โดยเฉพาะสาขาในหัวเมืองท่องเที่ยว แนวโน้มไตรมาส 2/66 โตต่อจากการจับจ่ายที่เพิ่มขึ้นในช่วงสงกรานต์และเลือกตั้ง

– SC (กสิกรไทย) “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 4.90 บาท คาดกำไรไตรมาส 1/66 เป็นกำไรไตรมาสที่หนึ่งที่ดีที่สุด เราคาดว่า SC จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ 508 ลบ. เพิ่มขึ้น 31% YoY แต่ลดลง 46% QoQ และคาดจะเป็นกำไรไตรมาสที่หนึ่งที่ดีที่สุดของ SC ผลิตภัณฑ์แนวราบที่เติบโตขึ้นซึ่งช่วยหนุนรายได้ให้ทำฐานใหม่ที่สูงขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนหลัก คาดกำไรไตรมาส 1/66 เท่ากับ 18% ของประมาณการปีนี้ของเรา หนุนจากแนวโน้มยอดขายรายไตรมาสและกำไรรายไตรมาสที่มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องในปี 66 และอัตราตอบแทนเงินปันผลที่ 6.5%

– BH (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 250.00 บาท รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาส 1/66 (ลุ้นงบดีโตทั้ง YoY, QoQ) ส่วนไตรมาส 2/66 ต้นไตรมาสผู้ป่วย UAE อาจลดไปบางตามเทศกาลรอมฎอน หลังจากนั้นจะเร่งตัวขึ้น ประเมินรายได้ปี 2566 โต +6.4%YoY ที่ 2.19 หมื่น ลบ. Sentiment กลุ่มท่องเที่ยว + นโยบายรัฐหนุน โดยปี 2023 ไทยเพิ่มโควตานักท่องเที่ยวซาอุฯ เข้าไทยเป็น 1-1.5 แสนคน จากเดิม 3 หมื่นคนซึ่ง BH เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลเอกชนที่คนกลุ่มนี้ให้ความนิยม DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2566-2567 ที่ 5.27 พัน ลบ. และ 5.73 พัน ลบ. +6.7%YoY และ +8.8%YoY ตามลำดับ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 เม.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top