นายนาวา จันทนสุรคน กรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก เผยความคืบหน้าการเจรจาด้านการค้าการลงทุนของไทยกับซาอุดีอาระเบียว่า ขณะนี้ซาอุดีอาระเบียต้องการดึงนักลงทุนจากทั่วโลกและนักลงทุนจากไทยไปร่วมโครงการ Saudi Vision 2030 ที่ตั้งเป้าหมายจะนำพาซาอุดีอาระเบียไปสู่อนาคตใหม่ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม กับนโยบายในการสร้างเมืองใหม่ที่มีชื่อว่า นีอุม NEOM (Saudi Arabia Smart City) เมืองไฮเทคแห่งอนาคต เป็นอาคารยาว 170 กิโลเมตร ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่กว่าอีอีซีถึง 5 เท่า เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันที่สัดส่วนรายได้ถึง 84% และเพิ่มความหลากหลายทางเศรษฐกิจให้ได้ 50%
โดยประเทศซาอุดีอาระเบีย พิจารณาว่าประเทศไทยมีขีดความสามารถสูงในหลายอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ปิโตรเคมี วัสดุก่อสร้าง อาหารและเกษตร จึงได้ชักชวนอุตสาหกรรมเหล่านี้จากไทยให้ไปลงทุนในซาอุดีอาระเบีย
ซาอุดีอาระเบียถือเป็นคู่ค้าลำดับที่ 17 ของไทยในตลาดโลกและเป็นคู่ค้าลำดับที่ 2 ของตะวันออกกลาง จากข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ปี 2566 ประจำเดือน ม.ค.-ก.พ.66 พบว่ามูลค่าสินค้าส่งออก 15 อันดับแรกของไทยไปซาอุดีอาระเบีย ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบยานยนต์ (214.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (36.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผลิตภัณฑ์ยาง (26.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ (22.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และเครื่องจักรกล ส่วนประกอบของเครื่องจักรกล (22.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (13.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตู้เย็น ตู้แช่แข็ง และส่วนประกอบ (7.6 ล้านดอลลาร์) ข้าว (4.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เคมีภัณฑ์ (4.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ (3.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป (3.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เครื่องสำอาง สบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว (3.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) อาหารสัตว์เลี้ยง (2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม (2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และเครื่องซักผ้า เครื่องซักแห้งและส่วนประกอบ (2.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตามลำดับ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการค้า 1,805.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 64%YoY และมูลค่าการส่งออกคิดเป็น 407.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 62.3%YoY
“การส่งออกสินค้าอาหารของไทยก็มีแนวโน้มเติมโตได้สูง เพราะไทยถือได้ว่าเป็นแหล่งผลิตอาหารของโลก โดยเฉพาะอาหารฮาลาล ซึ่งมีความได้เปรียบทั้งด้านโลจิสติกส์และมีสินค้าที่มีความหลากหลายตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ผมเชื่อมั่นว่าคนไทยสนใจดึงนักลงทุนจากซาอุดีอาระเบียมาลงทุนที่ไทยทั้งการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว รวมทั้งภาคการผลิตอื่นๆ ด้วยเช่นกัน นักธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมจึงควรถือโอกาสนี้เตรียมความพร้อม เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน” นายนาวา กล่าว
หน่วยงานทั่วไปด้านสถิติของซาอุดีอาระเบีย (GASTAT) เปิดเผยว่า ในเดือน เม.ย.66 เศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบียมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เติบโต 8.7% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในกลุ่มประเทศ G20
นอกจากนี้ สังคมซาอุดีอาระเบียกำลังเปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่เริ่มหันมานิยมบริโภคอาหารปรุงสำเร็จและสนใจสินค้าแฟชั่น ซึ่งโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะลงทุนในซาอุดีอาระเบีย คงหนีไม่พ้นสินค้าจำพวกอาหารปรุงสำเร็จ เครื่องสำอาง อัญมณี และภาคการท่องเที่ยวและสุขภาพ ขณะเดียวกันซาอุดีอาระเบียกำลังเร่งลงทุนในไทยเป็นจำนวนเงินกว่า 300,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การแพทย์ น้ำมัน และปิโตรเคมีในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นับเป็นสัญญาณที่ดีที่สะท้อนเศรษฐกิจในซาอุดีอาระเบีย และโอกาสการลงทุนของไทยในอนาคต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 เม.ย. 66)
Tags: การค้าการลงทุน, ซาอุดีอาระเบีย, นาวา จันทนสุรคน, ส.อ.ท., ส่งออกสินค้า, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย