นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย และอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมด้วย นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) เข้ายื่นคำร้องต่อกกต.ขอให้ตรวจสอบการประชุมพรรครวมไทยสร้างชาติเพื่อเปิดตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีและสมัครเป็นสมาชิกพรรค อีกเป็นครั้งที่ 2 หลังครั้งแรกถูกตีตก
ทั้งนี้ คำร้องแรกที่กกต.ปัดตก โดยอ้างเหตุผลว่า เพราะยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ยังไม่มีผู้สมัคร ผู้ยื่นคำร้องไม่ใช่ผู้เสียหาย เพราะไม่ใช่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ไม่ใช่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตการเลือกตั้งที่มีปัญหา
แต่วันนี้เงื่อนไขต่างๆ มีครบถ้วนแล้ว มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว มีผู้สมัครส.ส. คนที่เป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติก็เป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 และตนในฐานะผู้ร้อง ก็เป็นผู้สมัครของพรรคเสรีรวมไทยลำดับที่ 6 ดังนั้นเพียงพอในการยื่นหลักฐานการกระทำความผิด จึงนำเรื่องเดิมนี้มายื่นอีกครั้ง
นายสมชัย ยืนยันว่ากรณีเช่นนี้สามารถยื่นย้อนหลังได้ เพราะกฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส.เขียนชัดเจนว่า หากก่อนประกาศผลเลือกตั้งกกต. พบว่ามีการกระทำผิดใดๆ ที่ไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม สามารถสั่งเพิกถอนสิทธิ์ 1 ปีได้ หรือแปลว่าได้ใบส้ม กกต.ก็ต้องพิจารณาว่า สิ่งที่ร้องนั้นเป็นเหตุเป็นผลหรือไม่ ขณะเดียวกันหากคนทำผิดเป็นกรรมการบริหารพรรค ก็จะไปไกลถึงขั้นถอนสิทธิการเลือกตั้ง อาจจะตลอดชีวิต รวมถึงขั้นยุบพรรคการเมืองได้
“หากกกต.ปัดตกอีกก็เท่ากับเป็นการปัดตก 2 ครั้ง ซึ่งครั้งที่ 1 เป็นการให้เหตุผลที่เราคิดว่าไม่สมควรอยู่แล้ว ส่วนถ้าครั้งที่ 2 เมื่อองค์ประกอบต่างๆ ครบถ้วนก็เป็นเรื่องที่กกต. ต้องวินิจฉัย ถ้าปัดตกอีก เท่ากับว่า กกต.ได้ใช้วิสัยของกกต.อย่างไม่เหมาะสม หลังเลือกตั้ง ทุกเรื่องที่กกต.ดำเนินการแล้วเป็นปัญหา ส่อว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เราก็จะใช้สิทธิในการดำเนินคดีกับกกต.”
นายสมชัย กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 เม.ย. 66)
Tags: กกต., การเมือง, ประยุทธ์ จันทร์โอชา, พรรคการเมือง, พรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคเสรีรวมไทย, เลือกตั้ง