นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวปราศรัยที่ จ.ร้อยเอ็ด ว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ค้นพบข้าวหอมมะลิพันธุ์ทุ่งกุลาร้องไห้ จดทะเบียนเป็นของคนไทย สร้างรายได้มากมาย แต่กลับไม่มีใครสานต่อ ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ยืนยันว่าสินค้าเกษตรจะราคาสูงขึ้น 3 เท่า และจะใช้นวัฒกรรมเข้ามาช่วยในการเพิ่มผลผลิต รวมทั้งจะออกไปเปิดตลาดใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทย ยังมีนโยบายเติมเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท เพื่อให้พี่น้องประชาชนไปจับจ่ายใช้สอยที่ร้านค้า ภายรัศมี 4 กิโลเมตรจากที่อยู่ตามบัตรประชาชน และต้องใช้ภายใน 6 เดือน ผลประโยชน์นี้ไม่ได้ตกอยู่แค่กับพี่น้องที่ได้เงินในบัตรเท่านั้น แต่คนค้าขาย คนที่มีสินค้าต่างๆ จะได้ประโยชน์ไปด้วย ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ทั้งระบบ
“ขอให้พี่น้องชาวร้อยเอ็ดทุกคน ออกไปใช้เสียงในวันที่ 14 พ.ค.ให้ถล่มทลาย เข้าคูหากาเพื่อไทย ให้ถล่มทลายทั้ง 2 ใบ เลือกทั้งคน ทั้งพรรค ไม่ปันใจให้ใคร ไม่มีพรรคพี่ ไม่มีพรรคน้อง เราจะกลับมามีความเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง” นายเศรษฐา ระบุ
หลังจากนั้น นายเศรษฐา พร้อมด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้พบปะหารือกับตัวแทนกลุ่มนักธุรกิจ และผู้ประกอบในจังหวัดร้อยเอ็ด โดยตัวแทนกลุ่มเกษตรกรเสนอให้แก้ไข 3 เรื่อง คือ 1.การสร้างเสถียรภาพให้ราคาข้าวหอมมะลิสูงขึ้น และมีตลาดแน่นอน 2.การสร้างเสถียรภาพให้ราคาโค-กระบือไม่ตกต่ำ และ 3.การแก้ปัญหาเรื่องน้ำแล้ง เพราะระบบชลประทานไม่ทั่วถึง
ขณะที่ตัวแทนสภาหอการค้าจังหวัด กล่าวว่า จ.ร้อยเอ็ด เป็นจังหวัดที่ติดอันดับความยากจน ดังนั้นต้องยกระดับให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมการเกษตรแปรรูป เช่น นำข้าวที่ราคาต่ำมาแปรรูปเป็นเหล้าสาเก, การยกระดับให้สนามบินร้อยเอ็ดเป็นคาร์โก้, การปลูกป่า และการแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าแพง ด้วยการสนับสนุนโซล่าเซลล์
นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องรายได้เกษตรกร ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของพรรคเพื่อไทย นโยบายหลักของพรรคคือ รายได้ของเกษตรกรต้องโตขึ้น 3 เท่า ภายใน 4 ปี และต้นทุนซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายต้องต่ำลง โดยจะมีการนำนวัฒกรรมมาเสริม เพื่อช่วยลดต้นทุน นอกจากนี้ต้องมีตลาดนำ โดยจะต้องเปิดตลาดต่างประเทศ ถัดมาคือ การแก้ไขปัญหาปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง การลงทุนเรื่องนี้ถือเป็นสร้างการเติบโตของ GDP ไปในตัว จะต้องมีการขยายพื้นที่ชลประทาน และบริหารจัดการน้ำให้ไม่ท่วม ไม่แล้ง
น.สพ.ชัย วัชรรงค์ คณะทำงานด้านนโยบายเกษตรฯ กล่าวว่า เรื่องราคาโค จะต้องร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อการส่งออก ต้องเจรจากับผู้ประกอบการต่างชาติเพื่อส่งออกโคให้มีราคา เอาตลาดนำ แล้วเลี้ยงโคตามความต้องการของตลาด ส่วนเรื่องน้ำ พรรคได้ตั้งงบบริหารจัดการน้ำไว้กว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งพรรคให้ความสำคัญและจริงจังกับการแก้ปัญหานี้ โดยตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 15 ล้านไร่ใน 4 ปี เร่งเพิ่มพื้นที่ชลประทานจากรัฐบาลที่แล้วกว่าเท่าตัว ส่วนเรื่องข้าวหอมมะลิ จำเป็นต้องลดจำนวนการผลิตลงบ้าง เพื่อให้เกิดความต้องการในตลาด แต่จะไปปรับลดในพื้นที่ที่ผลผลิตต่ำที่ทำแล้วขาดทุน แล้วให้ไปลองทำอย่างอื่น
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร คณะทำงานด้านนโยบายเศรษฐกิจฯ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย เข้าใจปัญหาดีว่ายังมีข้อติดขัดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมาย กฎเกณฑ์ และเงื่อนไขต่างๆ แต่พรรคพร้อมจัดการ หากได้เข้ามาเป็นรัฐบาล เรามีความจริงใจในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมที่จะเข้าไปพูดคุยกับเอกชน เพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 เม.ย. 66)
Tags: การเมือง, นโยบายหาเสียง, พรรคเพื่อไทย, ราคาสินค้าเกษตร, เลือกตั้ง, เศรษฐา ทวีสิน