น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีผลโพลระบุมีคะแนนนิยมนำแต่ถูกคู่แข่งตีตื้นขึ้นมานั้นไม่ได้ทำให้หวั่นใจ แต่ก็ไม่ประมาทเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นได้ โดยตนยังคงช่วยหาเสียงเท่าที่ทำได้ ไม่ได้ติดขัดอะไรแม้จะใกล้คลอดแล้ว เช่น การร่วมปราศรัยผ่านระบบประชุมทางไกลไปยังเวทีต่างๆ
“ขอให้พี่น้องประชาชนหนักแน่น อย่าเพิ่งแผ่ว เพราะไม่เช่นนั้นก็จะได้นายกฯ คนเดิม ขอให้พร้อมใจกันเลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งคนทั้งพรรค เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างแท้จริง จะได้อยู่ดีกินดี มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น” น.ส.แพทองธาร กล่าว
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่าคะแนนนิยมของพรรคไม่เพิ่มขึ้นเพราะขาดความชัดเจนเรื่องการจับมือกับพรรคการเมืองคนละขั้วหลังเลือกตั้ง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ถึงแม้ตนจะไม่ได้ตอบเรื่องนี้ตรงๆ ทุกครั้งที่ถูกสื่อถาม แต่ทุกคนน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าตนเองคิดอย่างไร
“อยากให้ทุกคนดูหน้าดิฉันไว้ ก็คงไม่ได้ชอบ (รัฐประหาร) การรัฐประหารที่เกิดขึ้นทั้ง 2 ครั้ง ดิฉันก็คงไม่ได้ชอบ การที่ดิฉันไม่ตอบออกมาตรงๆ เพราะดิฉันให้เกียรติประชาชน ให้เกียรติประเทศ เพราะการเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้น คนที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย คนที่ทำรัฐประหารมา ประชาชนน่าจะรู้คำตอบดี มันน่าจะชัดเจนอยู่แล้ว” น.ส.แพทองธาร กล่าว
หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคได้กำชับให้ผู้สมัครฯ ทุกคนว่าหากอยากเข้าไปทำงานในสภาผู้แทนราษฎร ต้องมีความกระตือรือร้นในการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อซื้อใจประชาชน โดยไม่หวังเรื่องคะแนนนิยมของพรรค และในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งจะออกป้ายหาเสียงชุดใหม่ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของ กกต. เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องต่างๆ เช่น การแจกเงินในกระเป๋าดิจิทัล การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ รวมทั้งการชี้แจงในเพจของพรรค
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคฯ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์การรณรงค์เลือกตั้งของพรรคได้ดำเนินการมาตั้งแต่กลางปี 65 เรื่อยมาอย่างเป็นระบบ และแสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ทั้งการเปิดตัวนโยบายใหม่ที่การรันตีความสำเร็จจากในอดีต เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง การเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ครบทั้ง 3 คนที่มีคุณสมบัติหลากหลายและทำงานร่วมกันเป็นเอกภาพ ซึ่งจะเห็นว่าพรรคมีคะแนนนิยมจากผลโพลมากขึ้นจาก 8% มาอยู่เหนือ 40%
สำหรับโครงการแจกเงินในกระเป๋าดิจิทัลนั้นจะเป็นการปูพรมกระตุ้นเศรษฐกิจพร้อมกันทั่วประเทศ โดยให้คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปสามารถจับจ่ายในพื้นที่ตามที่อยู่บัตรประชาชนรัศมี 4 กิโลเมตร ภายใน 6 เดือน เป็นนโยบายที่ทุ่มครั้งเดียวแล้วกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศ ไม่กระจุกอยู่ที่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทำให้จีดีพีโตตามเป้าหมาย 5% สร้างงานและรายได้ให้พี่น้องประชาชนอีกมหาศาล รวมถึงให้ประชาชนได้เรียนรู้การใช้งานบล็อกเชนที่จะเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจสำคัญในอนาคต และไม่ได้ไปยกเลิกโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามที่มีข่าว คนที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะยังคงใช้ได้ต่อไป
สำหรับแคนดิเดทนายกฯ ทั้ง 3 คนพร้อมเข้ามาบริหารประเทศ น.ส.แพทองธาร มีกลุ่มคนชนบทและประชาชนรุ่นใหม่ที่ต้องการเทคโนโลยีสนับสนุน, นายเศรษฐา ทวีสิน รู้เรื่องเศรษฐกิจ และนายชัยเกษม นิติสิริ ได้รับการยอมรับในกลุ่มราชการและวงการยุติธรรม สะท้อนความต้องการในหลากหลายกลุ่ม แก้ปัญหาได้หลากหลายด้าน สอดรับกับปัญหาในปัจจุบันที่มีอย่างหลากหลาย และทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ
“ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นกับสถานการณ์ขณะนั้น เราจะทำงานเป็นทีมสนับสนุนไปด้วยกัน สิ่งสำคัญคือเราเชื่อมั่นว่าประชาชนคือผู้นำการเปลี่ยนแปลง เราเชื่อว่าประชาชนอยากเปลี่ยนแปลง ดังนั้นประชาชนจะเป็นคนตัดสินใจว่าอยากเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร” นายภูมิธรรม กล่าว
ส่วนกรณีที่นายชัยเกษม มีปัญหาเรื่องสุขภาพนั้น ตอนนี้กลับมาดีแล้ว ปัญหาเลือดคั่งในสมองนั้นเป็นเลือดเก่า ไม่ได้ไปทับเส้นประสาทสำคัญใดๆ ตอนนี้กลับมาพักผ่อนที่บ้าน แต่เชื่อว่าวันที่ 12 พ.ค.66 ที่เป็นการปราศรัยใหญ่ปิดท้ายจะได้เห็นแคนดิเดทนายกฯ ทั้ง 3 คนขึ้นเวทีพร้อมกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 เม.ย. 66)
Tags: การเมือง, พรรคการเมือง, พรรคเพื่อไทย, ภูมิธรรม เวชยชัย, เลือกตั้ง, แพทองธาร ชินวัตร