สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เงินฝากของสถาบันการเงินสามแห่งในสหรัฐลดลงในไตรมาสแรก ขณะที่วิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดของภาคธนาคารสหรัฐในรอบกว่า 10 ปีกระตุ้นให้มีการแห่ถอนเงินฝาก และบรรดาลูกค้ากำลังมองหาผลตอบแทนที่ดีกว่าจากที่อื่น ๆ
ยอดเงินฝากของธนาคารสเตต สตรีต คอร์ป (State Street Corp) และธนาคารเอ็มแอนด์ที แบงก์ คอร์ป (M&T Bank Corp) ลดลง 3% ขณะที่ยอดเงินฝากของชาร์ลส์ ชวาบ คอร์ป (Charles Schwab Corp) นั้น ร่วงถึง 11%
ราคาหุ้นของสเตต สตรีต ปิดร่วงลง 9.2% ในวันจันทร์ (17 เม.ย.) แตะที่ 72.68 ดอลลาร์ ซึ่งได้ฉุดหุ้นของนอร์เธิร์น ทรัสต์ คอร์ป (Nothern Trust Corp) และธนาคารแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน คอร์ป (BNY Mellon) ให้ร่วงตามไปด้วย ขณะที่ราคาหุ้นของชาร์ลส์ ชวาบ ปิดพุ่งขึ้น 3.9% และหุ้นเอ็มแอนด์ที แบงก์ เพิ่มขึ้นเกือบ 8%
การเปิดเผยผลประกอบการของสถาบันการเงินดังกล่าวถือเป็นการเริ่มต้นสัปดาห์ที่เป็นไปอย่างไร้ทิศทาง โดยธนาคารระดับภูมิภาคจำนวนหนึ่งจะรายงานผลประกอบการและผลกระทบจากการที่ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank) และธนาคารซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) ล่มสลายเมื่อเดือนที่แล้ว
บรรดานักลงทุนจะวิเคราะห์ความเห็นของผู้บริหารเพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงปริมาณของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งได้ช่วยเพิ่มรายได้ที่ได้รับจากการปล่อยสินเชื่อ แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้นด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 เม.ย. 66)
Tags: วิกฤตธนาคาร, สถาบันการเงิน, สหรัฐ