สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงในวันนี้ (13 เม.ย.) โดยแม้ตลาดคาดว่าอุปทานน้ำมันจะมีแนวโน้มตึงตัว แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก
ณ เวลา 18.37 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลบ 0.43 ดอลลาร์ หรือ -0.52% สู่ระดับ 82.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
เมื่อวานนี้ (12 เม.ย.) ทั้งสัญญาน้ำมันดิบ WTI และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ปิดพุ่งทะลุ 2% จากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดคาดว่าจะเป็นปัจจัยชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ด้วย
อย่างไรก็ดี รายงานการประชุมเฟดเดือนมี.ค.บ่งชี้ว่า ผู้กำหนดนโยบายของเฟดหลายรายคาดการณ์ว่า ปัญหาในภาคธนาคารจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งจะลดความต้องการน้ำมันของสหรัฐ
ทั้งนี้ ตลาดยังคงได้รับผลกระทบจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ที่ตัดสินใจประกาศปรับลดการผลิตน้ำมันลงอีก 1.16 ล้านบาร์เรล/วัน
ด้านผู้อำนวยการบริหารของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่าท่าทีของโอเปกพลัสจะทำให้อุปทานน้ำมันตึงตัวขึ้นและราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
อย่างไรก็ตาม กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาเตือนเมื่อวันอังคาร (11 เม.ย.) ว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจส่งผลเสียต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยแสดงแบบจำลองว่า ทุก ๆ 10% ของราคาน้ำมันที่สูงขึ้น การเติบโตจะลดลง 0.1 จุดเปอร์เซ็นต์ และอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.3 จุดเปอร์เซ็นต์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 เม.ย. 66)
Tags: WTI, น้ำมัน WTI, ราคาน้ำมัน