ผบ.ตร.มั่นใจคุมอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ได้ตามเป้า สองวันแรกตายแล้ว 63 ราย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2566 ร่วมกับตำรวจหน่วยปฏิบัติทั่วประเทศ ว่า ปีนี้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวมีการเดินทางและท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์มากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์โควิดได้คลี่คลายลง ปริมาณรถเข้า-ออก กทม.สูงขึ้นกว่าปีก่อน โดยเมื่อวาน (12 เม.ย.66) มีรถเดินทางออกกว่า 645,100 คัน สูงกว่าปกติ 34% และสูงกว่าเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา 6.6% ซึ่งได้อำนวยความสะดวกจราจร เปิดช่องทางพิเศษต่อเนื่องทั้งคืน ส่วนเช้าวันนี้การจราจรมีชะลอตัวช่วงบางปะอิน บางบัวทอง หนองแค กลางดง ปากช่อง และสายใต้ช่วงเมืองสมุทรสาคร แต่ยังคงเคลื่อนตัวได้ดี คาดว่าวันนี้ยังมีการเดินทางทั้งวัน แต่จะลดน้อยลงกว่าเมื่อวาน

ส่วนสถิติการเกิดอุบัติเหตุตั้งแต่วันที่ 11-12 เม.ย.66 มีตัวเลขสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 แต่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบสถิติสามปีย้อนหลัง และจำนวนผู้เสียชีวิตยังคงลดลงกว่าปีก่อน สถานการณ์ภาพรวมยังคงควบคุมและอำนวยการได้ตามเป้าหมาย

สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุมาจาก 1.ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด 2.ตัดหน้ากระชั้นชิด 3.ดื่มแล้วขับ โดยยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ กระบะ นั่งส่วนบุคคล (ตามลำดับ) และถนนที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดพบว่า เป็นถนนใน อบต./หมู่บ้าน ถนนทางหลวง ถนนในเมือง ดำเนินคดี 10 ข้อหาหลักกว่า 143,436 ราย เป็นข้อหาเมาแล้วขับ 5,858 ราย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งจุดตรวจกว่า 1,585 จุด (จุดตรวจกวดขันวินัยจราจร 956 จุด จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ 629 จุด)

สำหรับพื้นที่จัดงานสงกรานต์ได้สั่งการหน่วยให้ความสำคัญกับทุกๆ พื้นที่ที่จัดงานเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น จัดงานขนาดใหญ่ในพื้นที่จังหวัด กทม.จำนวน 40 แห่ง เช่น ถนนข้าวสาร สยามสแควร์ และในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยว เช่น ชลบุรี ขอนแก่น โคราชภูเก็ต เชียงใหม่ ฯลฯ โดยกำชับทุกพื้นที่ให้การปฏิบัติกับผู้จัดงาน จัดตั้งกองอำนวยการร่วม (ศปก.สน.ศปก.พื้นที่) รองรับการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งจุดคัดกรอง บริหารจัดการพื้นที่อย่าให้มีความแออัด ตรวจสอบกล้อง CCTV เตรียมแผนเผชิญเหตุรองรับทุกด้าน เช่น อัคคีภัย การส่งกลับทางการแพทย์ เหตุทะเลาวิวาทหรือการทำร้ายร่างกาย เหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์สิน

ด้าน พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2566 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สถิติสะสมในช่วงวันที่ 11-12 เม.ย.66 เกิดอุบัติเหตุ 618 ครั้ง เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของสงกรานต์ปี 65 จำนวน 75 ครั้ง หรือเพิ่มขึ้น 13.81% แต่ลดลงกว่าค่าเฉลี่ยสะสม 3 ปี 107 ครั้ง หรือลดลง 14.76% มีผู้เสียชีวิต 63 ราย ลดลงกว่าช่วงเดียวกันของสงกรานต์ปี 65 จำนวน 13 ราย หรือลดลง 17.11% และลดลงกว่าค่าเฉลี่ยสะสม 3 ปี 26 ราย หรือลดลง 29.21% ส่วนผู้บาดเจ็บ 618 คน เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของสงกรานต์ปี 65 จำนวน 84 ราย หรือเพิ่มขึ้น 15.73% แต่ลดลงกว่าค่าเฉลี่ยสะสม 3 ปี จำนวน 112 คน หรือลดลง 15.34%

จำนวนอุบัติเหตุสะสมสูงสุดในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ 25 ครั้ง เสียชีวิตสูงสุดในพื้นที่ กทม. 7 ราย บาดเจ็บสูงสุดในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ 27 ราย โดยมีสาเหตุหลัก คือ ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด 38.51% และมีพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บสูงสุดจากการไม่สวมหมวกนิรภัย 57.71% โดยอุบัติเหตุเกิดขึ้นในถนนทางหลวงมากที่สุด 41.59% ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ 81.75% ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือช่วง 19.00-20.00 น.

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้บังคับใช้กฎหมายจราจร 10 ข้อหาหลัก รวม 143,436 ราย ได้แก่ ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด 54,135 ราย ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ 31,913 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 28,093 ราย ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด 54,135 ราย เมาแล้วขับ 5,858 ราย ตามลำดับ

พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศปฏิบัติตามแนวทางข้อสั่งการของ ผบ.ตร.โดยเคร่งครัด และขอชมเชยการปฏิบัติงานของทุกหน่วยในการป้องกันและลดอุบัติเหตุในห้วง 2 วันของช่วง 7 วัน ควบคุมเข้มข้น แม้ว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุและผู้บาดเจ็บจะเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่สถิติเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ยังอยู่ในเกณฑ์ค่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือลดลงไม่น้อยกว่า 5% เมื่อเทียบกับสถิติเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี (63-65) ดังนั้นจังหวัดใดที่มีแนวโน้มสถิติที่สูงให้ปรับแผนการปฏิบัติเพิ่มเติมให้สอดรับกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ตามความเหมาะสม เพื่อให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตลดลงตามเกณฑ์ที่กำหนด การตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรและการตั้งจุดตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน SOP ที่ ตร.กำหนด ทั้งด้านวัสดุ อุปกรณ์ กล้อง CCTV ป้ายข้อความ การแต่งกาย ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครจราจร มีการจัดเก็บอุปกรณ์ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และให้เน้นกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงที่ส่งผลต่อการบาดเจ็บและเสียชีวิต เช่น ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่สวมหมวกนิรภัย ขับรถในขณะเมาสุรา และขับรถด้วยความเร็ว เกินกฎหมายกำหนด

พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ในห้วงนี้จะเป็นช่วงที่ประชาชนกลับไปเฉลิมฉลอง รวมถึงมีการจัดกิจกรรมเล่นน้ำสงกรานต์ตามภูมิลำเนาและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่จัดกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกการจราจรให้เหมาะสมและเพียงพอ นอกจากนี้จะมีการดื่มสุราเพื่อสังสรรค์กัน จึงขอให้ทุกหน่วยออกกวดขันจับกุมดำเนินคดี กับผู้ขับขี่รถในขณะเมาสุรา เพื่อช่วยป้องกันและลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยเน้นไปที่ถนนในเขตชุมชน หรือเส้นทางที่มีแนวโน้มที่จะเกิดอุบัติเหตุสูง

กรณีเกิดอุบัติเหตุคดีจราจร ให้สืบสวนสอบสวนเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ จุดใดเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ให้นำไปวิเคราะห์และหาแนวทางแก้ไขปัญหามิให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำในบริเวณดังกล่าว และเน้นย้ำในกรณีการเกิดอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีหรือมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ให้ พงส.ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ทุกราย หากไม่สามารถตรวจวัด ด้วยการเป่าด้วยลมหายใจได้ ให้ขอให้แพทย์ทำการตรวจพิสูจน์ด้วยวิธีทางการแพทย์ต่อไป และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบข้อกฎหมายเกี่ยวกับแอลกอฮอล์

กรณีการกระทำที่ไม่เหมาะสมในการเล่นน้ำสงกรานต์ เช่น การแต่งตัวโป๊เปลือยเล่นน้ำในที่สาธารณะ การปะแป้งโดยผู้อื่นไม่ยินยอม การใช้ปืนแรงดันน้ำฉีดใส่ผู้อื่น เป็นต้น ตลอดจนวิธีการปฏิบัติตนในการนั่งท้ายกระบะ ซึ่ง ตร.ได้มีประกาศ เรื่อง การยกเว้นให้คนโดยสารไม่ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยในรถบางประเภท พ.ศ.2566 โดยกำหนดจำนวนนั่งท้ายรถกระบะไม่เกิน 6 คน นั่งใน Space cab ไม่เกิน 3 คน และการนั่งท้ายกระบะโดยไม่นั่งริมขอบกระบะ รวมทั้งใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันอุบัติเหตุ

ในช่วงที่ประชาชนจะต้องเดินทางกลับ ขอให้ทุกหน่วยเตรียมปรับแผนการปฏิบัติมาที่เส้นทางขาเข้า โดยให้เตรียมความพร้อมในด้านกำลังพลและวัสดุอุปกรณ์ ในการจัดกำลังเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจรประจำจุด ให้เน้นจุดที่มีปริมาณรถหนาแน่น และจุดที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เน้นการปรากฏกายให้เห็นเด่นชัดและการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อประชาชน และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่และทุ่มเทสรรพกำลังอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้เทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2566 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประชาชนได้รับความสะดวกในการการเดินทาง ลดอุบัติเหตุและการสูญเสีย สังคมมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากอาชญากรรมทุกประเภท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 เม.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top