นักวิชาการเตือนรัฐบาลใหม่แจกเงินผ่านดิจิทัลระวังหนี้สาธารณะ แต่มีโอกาสดันจีดีพีโต 5-6%

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งจะมีแรงกดดันทางการคลังและภาระทางการคลังเพิ่มขึ้น ขณะนี้ยอดหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมดอยู่ที่ 10.72 ล้านล้านบาทคิดเป็น 61.13% ของจีดีพี หนี้สาธารณะก้อนนี้ยังไม่รวมภาระผูกพันทางการคลังที่อาจเกิดขึ้นอีกจำนวนไม่น้อยจากโครงการต่างๆของรัฐบาลรวมทั้งความเสียหายทางการเงินจากใช้มาตรการกึ่งการคลังผ่านธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ

จากข้อมูลล่าสุด พบว่า หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกันยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีการรถไฟแห่งประเทศไทยเพิ่มขึ้น 600 ล้านบาท องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพเบิกจ่ายเงินกู้เพิ่ม 668 ล้ายบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 10,000 ล้านบาท เงินกู้ในประเทศเพื่อให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐยังคงเพิ่มขึ้น 11,305 ล้านบาท หนี้กองทุนฟื้นฟูฯจากวิกฤตการณ์สถาบันการเงินปี 40 ยังทรงตัวอยู่ที่ 6.7 แสนล้านบาท

สถานการณ์หนี้สาธารณะของไทยภาพรวมยังอยู่ในภาวะที่ต้องบริหารจัดการด้วยความระมัดระวัง หากรัฐบาลใหม่สามารถทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ระดับ 5-6% จะทำให้ความเสี่ยงฐานะการคลังลดลง กรณีการนำเสนอนโยบายโอนเงินผ่านดิจิทัล วอลเลต Digital Wallet จำนวน 5,000-10,000 บาทให้ประชาชนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป เป็นระยะเวลา 6 เดือน ประมาณ 50 ล้านคนนั้นถือเป็นนโยบายแจกเงินให้กับประชาชนโดยตรง แต่ได้ปิดจุดอ่อนของมาตรการแจกเงินที่เคยทำกันมาและบัตรสวัสดิการคนจน

โดยการโอนเงินหรือแจกเงินเป็น มาตรการ Income Transfer ให้กับครอบครัวผู้มีรายได้น้อย หรือ ใช้บรรเทาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ Digital Wallet ได้ออกแบบให้ใช้ Token หรือ Digital Coin ในชุมชนรัศมี 4 กิโลเมตร ทำให้แก้ปัญหารับเงินโอนจากรัฐแล้วเอาไปซื้อสินค้าในเครือข่ายห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ เม็ดเงินไม่กระจายมายังธุรกิจขนาดย่อมขนาดเล็ก การกำหนดรัศมีในการใช้ Token ทำให้ผลประโยชน์จากการใช้พุ่งตรงไปที่เครือข่ายร้านค้าชุมชน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและการจ้างงานสาธารณะได้ดีกว่า

นอกจากนี้ยังสามารถใช้แอพลิเคชันในการหางานทำในชุมชนสามารถใช้แอพลิเคชันในการค้นหาหลักสูตรฝึกอบรมต่างๆเพื่อ Upskill Reskill และสร้างทักษะความสามารถใหม่ New skill ได้ ระบบดิจิทัลผ่านแอพลิเคชันทำให้สามารถบริหารจัดการข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการกำหนดนโยบายกำกับประสิทธิภาพและประเมินผลนโยบายได้ดียิ่งขึ้น

นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า Digital Wallet อยู่บนฐานคิดการกำหนดนโยบายจากฐานเรื่องสิทธิของประชาชนอันเป็นส่งเสริมค่านิยมประชาธิปไตยมากกว่า ฐานคิดแบบสังคมสงเคราะห์ที่ส่งเสริมวัฒนธรรมอุปถัมภ์ ข้อควรระวังของนโยบายลักษณะโอนเงินหรือแจกเงินไม่จะใช้ฐานคิดหรือวิธีการแบบไหน คือหากเศรษฐกิจไม่สามารถขยายตัวได้ตามเป้าไม่สามารถจัดเก็บภาษีมาสนับสนุนได้มากพอและต้องก่อหนี้อาจเกิดความเสี่ยงทางการคลังได้ เนื่องจากนโยบายดิจิทัล วอตเลทเป็นมาตรการที่ใช้เม็ดเงินงบประมาณสูงถึง 2.5-5 แสนล้านบาท

มาตรการนี้ประสบความสำเร็จโดยมีเงื่อนไขว่า อัตราความโน้มเอียงในการบริโภคของครอบครัวที่มีรายได้น้อยอยู่ที่ประมาณ 0.7 และ ตัวทวีคูณทางการคลังอยู่ที่ 6 เท่า ก็จะทำให้มูลค่าจีดีพีเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านล้านบาท (กรณีโอนเงิน 5,000 บาท) และ เพิ่มขึ้น 3 ล้านล้านบาท (กรณีโอนเงิน 10,000 บาท) ทำให้การตั้งเป้าหมายให้เศรษฐกิจเติบโตเต็มศักยภาพที่ระดับ 5-6% มีความเป็นไปได้

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องพยายามเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT เพิ่มให้ได้อย่างน้อย 2 แสนล้านบาทและภาษีอื่นๆอีกอย่างน้อย 5 หมื่นล้านบาท ทำให้การที่กู้เงินจำนวนมากๆมาสนับสนุนโครงการลดลง การกำหนดระยะเวลาในการใช้ไว้ที่ 6 เดือน หรือ Digital coin จะหมดอายุใน 6 เดือน คาดหวังว่าจะไม่เกิดตลาดรอง และไม่ควรสร้างปัญหาซับซ้อนต่อการทำหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยในการควบคุมปริมาณเงินการดูแลปริมาณเงินเป็นหน้าที่ของแบงก์ชาติผ่านนโยบายการเงิน หากมีการโอนเงินซ้ำซ้อนต้องนำเทคโนโลยี Blockchain มาช่วยจัดการ Digital Wallet  ไม่ให้ซ้ำซ้อนกับบัตรสวัสดิการคนจนที่ให้ก่อนหน้านี้

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันล่าสุดว่า ราคาน้ำมันอาจทดสอบระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้งหนึ่งหลังโอเปคพลัสประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันอีก 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้ประเทศนำเข้าน้ำมันและพลังงานอย่างไทย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและอินเดียได้รับผลกระทบเศรษฐกิจ ไทยอาจขาดดุลการค้าต่อเนื่องและอัตราเงินเฟ้ออาจไม่ลดลงมากอย่างที่คาดการณ์ไว้เดิม สร้างแรงกดดันต่อนโยบายการเงินที่ต้องรักษาสมดุลระหว่างการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ควบคุมเงินเฟ้อตามเป้าหมาย และ ระบบเศรษฐกิจที่มีขีดจำกัดจากสัดส่วนหนี้สูง มาตรการเข้มงวดทางการเงินอาจส่งผลต่อการชะลอตัวการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและการลงทุนได้ เงินเฟ้อจากราคาน้ำมันแพงระลอกใหม่ บาทแข็งจากเงินทุนระยะสั้นไหลเข้าตลาดการเงินไทย เศรษฐกิจคู่ค้าชะลอ กระทบส่งออกไทย ส่อเค้าขยายตัวติดลบปีนี้

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 เม.ย. 66)

Tags: , , , , ,
Back to Top