สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ของสหรัฐและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจากนานาชาติ ๆ ได้ยึดชื่อโดเมนของ เจเนซิส มาร์เก็ต (Genesis Market) เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.) โดยเจเนซิสเป็นเว็บไซต์ตลาดอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ให้อาชญากรสวมรอยเป็นลูกค้าบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ตั้งแต่ อะเมซอน (Amazon) ไปจนถึง ฟิเดลิตี (Fidelity)
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บนหน้าเว็บของเจเนซิสเมื่อวานนี้ (4 เม.ย.) นั้น หน้าสำหรับล็อกอินปกติถูกแทนที่ด้วยหมายแจ้งเตือนการปิดเว็บไซต์ พร้อมข้อความแนะนำให้ผู้ใช้งานติดต่อไปยัง FBI หากมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ดูแลระบบหรือการปฏิบัติการของเจเนซิส
นายแมทธิว เกรซีย์-แม็คมินน์ นักวิจัยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของเนทาเซีย (Netacea) แพลตฟอร์มโซลูชันบริหารจัดการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของอังกฤษกล่าวว่า เจเนซิสคือ “ปลาตัวใหญ่” และการปิดเว็บคือการประกาศเตือนไปยังอาชญากรไซเบอร์รายอื่น ๆ ด้วย
การปิดเว็บไซต์ดังกล่าว หรือที่เรียกว่าปฏิบัติการ Cookie Monster พุ่งเป้าไปที่ตลาดออนไลน์ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานซื้อ-ขายข้อมูลที่ทำให้พวกเขาสามารถสวมรอยเป็นผู้ใช้ที่ถูกต้องตามกฎหมายของแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น ดร็อปบ็อกซ์ (Dropbox) เพย์พาล (PayPal) ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ทวิตเตอร์ (Twitter) และแพลตฟอร์มคริปโทเคอร์เรนซีต่าง ๆ อีกจำนวนหนึ่ง
อาชญากรไม่ได้แฮกหรือถูกบุกรุกแพลตฟอร์มเหล่านั้น แต่จะซื้อบอตดิจิทัล (digital bots) ซึ่งมีข้อมูลที่แฮกเกอร์ขโมยมาจากอุปกรณ์ของผู้ใช้อีกที โดยมีตั้งแต่ข้อมูลจากแบบฟอร์มป้อนข้อมูลอัตโนมัติ (autofill forms) ข้อมูลการเข้าสู่ระบบที่บันทึกไว้และคุกกี้ ซึ่งบริษัทต่าง ๆ ใช้เพื่อติดตามกิจกรรมออนไลน์ของผู้ใช้งาน
ทั้งนี้ จากรายงานของเนทาเซียพบว่า ในปี 2564 มีบอตอย่างน้อย 350,000 ตัวบนแพลตฟอร์มของเจเนซิส
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 เม.ย. 66)
Tags: FBI, Genesis Market, สหรัฐ, อาชญากรรมไซเบอร์, เจเนซิส มาร์เก็ต