PTTEP ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นนำกลุ่มโรงกลั่น รับอานิสงส์กลุ่มโอเปกพลัส ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมัน ส่งผลดีต่อราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้น โดยเมื่อเวลา 10.03 น. ราคาหุ้นบวก 4.65% หรือเพิ่มขึ้น 7.00 บาท มาที่ 157.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 555.86 ล้านบาท
BCP บวก 4.03% หรือเพิ่มขึ้น 1.25 บาท มาที่ 32.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 164.67 ล้านบาท
TOP บวก 4.29% หรือเพิ่มขึ้น 2.25 บาท มาที่ 54.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 98.43 ล้านบาท
SPRC บวก 2.78% หรือเพิ่มขึ้น 0.30 บาท มาที่ 11.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 34.49 ล้านบาท
บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย.66 ที่ผ่านมา กลุ่มประเทศสมาชิก OPEC+ (รวมประเทศสมาชิก OPEC และพันธมิตร เช่น รัสเซีย) ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมรวม 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน (mbd) (เทียบเท่าประมาณ 1% ของอุปทานน้ำมันโลก) ตั้งแต่เดือน พ.ค.2023 จนถึงสิ้นปี 66 นำโดยซาอุดิอาระเบีย(0.5mbd) อิรัก (0.2mbd) UAE (0.1mbd) และคูเวต (0.1mbd) โดยซาอุดิอาระเบียอ้างว่าเป็นมาตรการเพื่อรักษาความมั่นคงของตลาดน้ำมัน
นอกจากนี้ รัสเซียได้ประกาศว่าจะขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของตนเองออกไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมัน 0.5mbd ในช่วงเดือน มี.ค.-มิ.ย.66 ทั้งนี้การตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมนี้ เป็นส่วนเพิ่มจาก 2.0 mbd ที่ OPEC+ ประกาศไปเมื่อเดือน ต.ค.65
การตัดสินใจลดกำลังการผลิตของ OPEC+ นี้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับรัฐมนตรีเพื่อติดตามการดำเนินการของโอเปก (JMMT) ในวันนี้ (3 เม.ย.66) อิรักและเคอร์ดิสถานตกลงที่จะกลับมาส่งออกน้ำมันผ่านตุรกี สื่อต่างประเทศของเคอร์ดิสถานรายงานว่ารัฐบาลภูมิภาคเคอร์ดิสถาน (KRG) สามารถที่จะหาข้อตกลงเบื้องต้นกับรัฐบาลอิรักในการจะกลับมาส่งออกน้ำมันผ่านท่อส่งน้ำมันของตุรกี หลังจากก่อนหน้านี้ ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ (International Court of Arbitration) มีคำสั่งให้การส่งออกน้ำมันจากเขตปกครองตนเองเคอร์ติสถานผ่านท่อส่งน้ำมันของตุรกีต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลอิรักก่อน ทำให้ตุรกีได้หยุดการสูบน้ำมันจากเคอร์ติสถานซึ่งมีการส่งออกน้ำมันประมาณ 450 พันบาร์เรลต่อวัน (kbd) (ประมาณ 0.5% ของอุปทานน้ำมันโลก)
DAOL มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ โดยเชื่อว่าข่าว OPEC+ เตรียมลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมจะส่งผลบวกต่อราคาน้ำมันมากกว่าข่าวการกลับมาส่งออกน้ำมันของอิรักทั้งนี้เราเชื่อว่าจากข่าวข้างต้นนี้จะส่งผลให้มีอุปทานน้ำมันดิบโลกลดลงเพิ่มเติม 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในครึ่งปีหลังนี้ จากที่ตลาดคาดก่อนหน้านี้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาสัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า Brent สูงขึ้น 0.6% เป็น USD79.8/bbl ซึ่งยังไม่ได้สะท้อนผลกระทบจากข่าวนี้ จึงคงมุมมองว่าราคาน้ำมันดิบจะฟื้นตัว HoH ในครึ่งปีหลังนี้ จากอุปทานที่ตึงตัวมากขึ้นและจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวจากจีน
อย่างไรก็ตามในเบื้องต้น ยังคงประมาณการราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 66 ที่ USD93.0/bbl ยังคงน้ำหนักการลงทุน เท่ากับตลาด สำหรับกลุ่มพลังงาน และชอบหุ้นพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นที่น่าได้ประโยชน์จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยเราชอบหุ้น PTTEP (ซื้อ/เป้า 200.00 บาท), SPRC (ซื้อ/เป้า 12.50 บาท) และ TOP (ซื้อ/เป้า 65.00 บาท) โดยเชื่อว่าราคาหุ้น PTTEP มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่น่าจะฟื้นตัว ขณะที่โรงกลั่นมีโอกาสที่จะเห็นกำไรจากสต็อกน้ำมัน (stock gain)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 เม.ย. 66)
Tags: BCP, PTTEP, SPRC, TOP, กลุ่มโอเปกพลัส, น้ำมัน, ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม, ราคาน้ำมันดิบ, หุ้นกลุ่มโรงกลั่น