ทีมยุทธศาสตร์ กทม.พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคฯ, นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม., พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม., น.ส.ทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง, นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคฯ พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทุกเขต ร่วมกันเปิดนโยบายหาเสียง กทม.
นายองอาจ กล่าวว่า นโยบายของพรรคตามยุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” ได้ผ่านกระบวนการฟัง-คิด-ทำ ซึ่งเป็นนโยบายมาจากรากฐานของการรับฟังความต้องการจากประชาชน และร่วมคิดกับประชาชนแล้วนำมากำหนดเป็นนโยบาย ซึ่งการแถลงวันนี้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ยังมีส่วนอื่นๆ ที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 33 เขตใน กทม.จะนำเสนอไปยังประชาชน ซึ่งเชื่อมั่นว่าเมื่อประชาชนใน กทม.ได้สัมผัสรายละเอียดของนโยบายแล้วจะให้การสนับสนุนพรรคและผู้สมัครของพรรค เพราะเป็นนโยบายที่สามารถพลิกฟื้น เปลี่ยน กทม.ได้อย่างแท้จริง
“ผมเชื่อว่าประชาชนจะเห็นความตั้งใจจริงของพวกเราชาวพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะมามีส่วนอย่างสำคัญในการทำให้หลายๆ ปัญหาในกรุงเทพมหานครได้รับการแก้ไข และหลายๆ เรื่องได้รับการพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่า พรรคประชาธิปัตย์ อยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนช่วยสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค โดยกากบาทเลือกทั้งพรรค ทั้งคน เพื่อเราจะได้มีโอกาสนำเหล่านี้ไปก่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติ และจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกรุงเทพมหานคร ขอให้เชื่อมั่นว่าประชาธิปัตย์พร้อมที่จะเปลี่ยนกรุงเทพฯ เพื่อชาว กทม.ทุกคน” นายองอาจ กล่าว
นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พรรคไม่ได้ ส.ส.กทม.แม้แต่คนเดียว ขณะที่ช่วงดังกล่าวมีฝุ่น PM 2.5 มากขึ้นเข้าสู่ภาวะวิกฤต และยังไม่เห็นอนาคตในการแก้ปัญหา นอกจากนี้ ยังมีปัญหาน้ำท่วมมากขึ้น รอวันกรุงเทพฯ จม ระบบการศึกษาใน กทม. และในประเทศเกิดความไม่เท่าเทียม ทั้งโอกาสความเข้าถึง ทั้งเทคโนโลยีที่จะทำให้เข้าถึงการเรียนรู้ที่ทันสมัย การเดินทางของคนกรุงเทพฯ มีรถติดมากยิ่งขึ้น การใช้บริการขนส่งสาธารณะ รถไฟฟ้าสายต่างๆ รถเมล์ เรือ ไม่มีความสะดวกและมีราคาสูง
พรรคจึงขอเสนอนโยบาย “สร้างคน” ได้แก่
- ประกาศสงครามฝุ่นพิษ PM 2.5 เมื่อพรรคมีโอกาสเข้าร่วมรัฐบาล จะทำการผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด ที่นำเสนอโดยประชาชน นักวิชาการ มีการกำหนดเขตปลอดมลพิษ 16 เขตชั้นในของ กทม., กำหนดมาตรฐานการก่อสร้างอาคาร, เก็บภาษีรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ปล่อยควันดำ เพื่อนำเงินภาษีมาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ, ลดหย่อนภาษีให้ผู้รักษาพื้นที่สีเขียว
- Delta Works Thailand กรุงเทพฯ ต้องไม่จมน้ำจากโครงการ Delta Works ประเทศเนเธอร์แลนด์ ถือเป็นตัวอย่างการรับมือกับปัญหาน้ำทะเลหนุนได้ดีที่สุดในโลก และผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าสามารถรับมือกับปัญหาได้จริง นโยบาย Delta Works Thailand จึงนำหลักการดังกล่าวมาประยุกต์ให้เข้ากับบริบทในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด 3 อย่าง คือ ด้านกฎหมาย โครงสร้าง และเทคโนโลยี เพื่อป้องกันพื้นที่ กทม.จากปัญหาน้ำทะเลหนุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่ง กทม.ต้องแสดงบทบาทในการแก้ปัญหาน้ำท่วมของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา โดยไม่ปล่อยให้จังหวัดปริมณฑลต้องจมน้ำแทน กทม.อีกต่อไป โดยโครงการดังกล่าวจะช่วยที่ราบลุ่มปากแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายเรียนฟรีถึงปริญญาตรี, อินเตอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุดในพื้นที่ กทม. 1 แสนจุด เพื่อเปลี่ยนชีวิตคนกรุงเทพฯ, นโยบายบัตรใบเดียวไปได้ทุกที่, นโยบายฟรีนมโรงเรียน 365 วัน, นโยบายตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี โดยใช้บัตรประชาชนใบเดียว
“ขอให้พวกเราได้กลับมารับใช้คนกรุงเทพฯ ได้กลับมาสู่บ้านของเรา ด้วยนโยบายที่มุ่งแก้ปัญหาพี่น้องประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิต หมดเวลารอฟ้าฝน แต่หากจะรอใครสักคน ขอให้รอคนของพรรคประชาธิปัตย์” นายสุชัชวีร์ กล่าว
พล.ต.ต.วิชัย ได้เสนอนโยบาย “สร้างชาติ” ในเรื่องการแก้ปัญหาทุจริต คอร์รัปชั่น และยาเสพติด ด้วยนโยบายตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่เอายาเสพติด และไม่สนับสนุนกัญชาเสรี เนื่องจากยาเสพติดเป็นบ่อเกิดของอาชญากรรมทุกประเภท ดังนั้นจำเป็นต้องมีนโยบาย ตั้งแต่การเจรจากับต่างประเทศ การสกัดการส่งออกสารตั้งต้น เพิ่มอำนาจ ป.ป.ส. พร้อมจะต้องจัดตั้งสถานบำบัดในทุกจังหวัด ส่วนแนวทางในการแก้ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชั่นนั้น จำเป็นที่จะต้องกำหนดกรอบโทษของผู้กระทำผิด ซึ่งประกอบด้วย ผู้ก่อ ผู้สนับสนุน ผู้ช่วยเหลือ ต้องมีโทษขั้นต่ำประหารชีวิต
น.ส.วทันยา กล่าวถึงนโยบาย “สร้างเงิน” พร้อมกับยกตัวอย่างการพบกับกลุ่มผู้ประกอบการจากภาคอีสาน ที่นำเอาความคิดสร้างสรรค์มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ อันเป็นการเพิ่มผลิตภาพให้กับสินค้าและบริการของไทย ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นโอกาสให้ประเทศไทยได้สร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจ พร้อมกับเสนอเปลี่ยนให้กระทรวงวัฒนธรรมจากที่เป็นกระทรวงเกรด C ในสายตานักการเมือง ให้กลายเป็นกระทรวงเกรด A เพื่อขับเคลื่อนและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศ เปลี่ยนสำนักเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีงบประมาณเพียงแค่ปีละ 300 ล้านบาท ให้กลายเป็นสำนักขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่เพื่อสร้างโอกาสให้คนไทย
- นโยบายกองทุนไอเดียหมื่นล้านบาท แบ่งไปใช้ใน 4 ส่วน 1.พัฒนาทุนมนุษย์ จัดทำมหาวิทยาลัยทุกช่วงวัยเพื่อให้คนไทยได้เพิ่มทักษะ ทั้ง Up Skill Re-Skill พร้อมเปิดโอกาสให้นำทักษะไปสร้างโอกาสให้ตัวเองต่อไป 2.เพิ่มโอกาสด้วยการนำทุนความคิดสร้างสรรค์มาสร้างธุรกิจให้ตัวเอง 3.ขับเคลื่อน Creative Content ให้อุตสาหกรรมบันเทิงเพื่อนำอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทยสินค้าและบริการของคนไทยออกไปสู่สายตาโลก 4.สรรหาบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ เป็นพี่เลี้ยงฟูมฟักเศรษฐกิจ Start Up ใหม่ ปั้นธุรกิจของคนไทยให้ประสบความสำเร็จ
- นโยบายแต้มต่อ SME 3 แสนล้านบาท แต้มต่อที่ 1 เพิ่มผลผลิต ผลิตภัณฑ์ให้ธุรกิจ SMEs แต้มต่อที่ 2 สรรหาตลาดใหม่ๆ เปิดตลาด SMEs ไทยไปสู่สายตาคนทั่วโลก แต้มต่อที่ 3 จัดตั้งกองทุน SMEs แต้มต่อ 3 แสนล้านบาท ให้ SMEs เข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างเท่าเทียม
- นโยบายธนาคารชุมชน/หมู่บ้านละ 2 ล้านบาท เพื่อนำเม็ดเงินกระจายไปยังเศรษฐกิจฐานรากให้ประชาชนสามารถมีเม็ดเงินในการไปขับเคลื่อนเลี้ยงชีพ มีรายได้ และสุดท้ายจะผันเงินกลับมาเป็นเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป
“จากวลีที่ว่า รวยกระจุกจนกระจาย หลังจากนี้จะต้องเปลี่ยนไปเป็น หยุดจน และรวยกระจาย นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเศรษฐกิจของประเทศที่จะต้องกระจายความเสมอภาคความเท่าเทียมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ เราจะช่วยคนไทยค้าขาย เราจะช่วยคนไทยสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างเงิน สร้างรายได้ และที่สำคัญที่สุด วันนี้พรรคประชาธิปัตย์และทีมผู้สมัคร ส.ส. กทม. 33 คน พร้อมแล้วในการสร้างการเมืองแห่งโอกาส การเมืองแห่งความหวังให้กับคนไทยด้วยการส่งต่อโอกาสที่เท่าเทียมให้กับทุกคน” น.ส.วทันยา กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มี.ค. 66)
Tags: กทม., การเมือง, พรรคประชาธิปัตย์, วทันยา บุนนาค, วิชัย สังข์ประไพ, องอาจ คล้ามไพบูลย์, เลือกตั้ง