ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) กำลังพยายามที่จะปรับลดสัดส่วนการถือหุ้นสูงสุดที่นักลงทุนสามารถถือครองได้ในธนาคารของเวียดนาม โดยการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบนี้จะทำให้ภาคการธนาคารเป็นที่น่าสนใจน้อยลงในสายตานักลงทุนต่างชาติ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันนี้ (17 มี.ค.) ว่า ภายใต้ข้อกำหนดที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ SBV นั้น นักลงทุนรายย่อยจะได้รับอนุญาตให้ถือหุ้นในสถาบันการเงินได้สูงสุด 3% ลดลงจาก 5% ในปัจจุบัน ส่วนนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญ จะลดลงเหลือ 10% จากปัจจุบันที่ 15% แต่ร่างข้อกำหนดไม่ได้ระบุว่าจะให้เวลานานเท่าใดเพื่อให้นักลงทุนปรับลดการถือครองเพื่อให้สอดคล้องกับเพดานขั้นต่ำใหม่
ในปัจจุบันนั้น สัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในธนาคารรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 30% ส่วนขีดจำกัดการถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ ในภาคส่วนอื่น กำหนดไว้ที่ 49%
ความเคลื่อนไหวของ SBV ในการเปลี่ยนแปลงขีดจำกัดการถือครองหุ้นมีขึ้นหลังจากการฉ้อโกงหลายกรณี รวมถึงกรณีที่นำไปสู่การดำเนินการกับธนาคารแห่งหนึ่งที่ถูกควบคุมโดยผู้ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ผ่านนอมินีและบริษัทขนาดเล็กของตนเอง โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะช่วยลดความเสี่ยงในการปั่นหุ้นได้
ด้านผู้จัดการกองทุนในไทยรายหนึ่ง ที่ไม่ประสงค์ออกนาม กล่าวว่า การกำหนดเพดานการถือครองหุ้นที่น้อยลงจะส่งผลกระทบต่อนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น เนื่องจากการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติมักจะใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในปัจจุบัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มี.ค. 66)
Tags: SBV, ธนาคารกลางเวียดนาม, นักลงทุนต่างชาติ, หุ้นธนาคาร, เวียดนาม, แบงก์ชาติเวียดนาม