หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวด์ตามตปท. คลายกังวลวิกฤตการเงินโลก

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวด์ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังมีข่าวธนาคารใหญ่ในสหรัฐอัดฉีดสภาพคล่องเข้ามาช่วย First Replublic Bank และการเข้ามาช่วยเครดิต สวิส ของธนาคารกลางสวิส ส่งผลตลาดคลายกังวล และเป็นบวกต่อ Sentiment การลงทุน ทำให้ตลาดกลับมาเปิดรับความเสี่ยง พร้อมให้แนวต้าน 1,565-1,570 จุด แนวรับ 1,545-1,550 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะรีบาวด์ ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย ซึ่งเป็นไปตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ที่ปรับตัวขึ้น หลังจากมีรายงานการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารใหญ่ในสหรัฐราว 3 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับ First Repluclic Bank (FRB) ประกอบกับการเข้ามาช่วยของธนาคารกลางสวิสแก่ธนาคารเครดิต สวิส

โดยปัจจัยดังกล่าวทำให้ตลาดเริ่มคลายความกังวลลงมาบ้างในเรื่องของวิกฤตภาคการเงินโลก ส่งผลให้ Sentiment การลงทุนกลับมาดีขึ้น และตลาดกลับมาเปิดรับความเสี่ยง

แต่อย่างไรก็ตามยังคงติองติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้าว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยและส่งสัญญาณออกมาว่าอย่างไร โดยให้แนวต้าน 1,565-1,570 จุด แนวรับ 1,545-1,550 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (16 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,246.55 จุด พุ่งขึ้น 371.98 จุด หรือ +1.17%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,960.28 จุด เพิ่มขึ้น 68.35 จุด หรือ +1.76% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,717.28 จุด เพิ่มขึ้น 283.22 จุด หรือ +2.48%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดภาคเช้าที่ระดับ 27,232.23 จุด เพิ่มขึ้น 221.62 จุด หรือ +0.82% , ดัชนีฮั่งเส็งเปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,439.84 จุด เพิ่มขึ้น 235.93 จุด หรือ +1.23% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,245.26 จุด เพิ่มขึ้น 18.37 จุด หรือ +0.57%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 มี.ค.66)1,554.65 จุด ลดลง 10.35 จุด (-0.66%) มูลค่าการซื้อขาย 69,665.73 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,920.28 ลบ.เมื่อวันที่ 16 มี.ค.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. (16 มี.ค.) เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 68.35 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 มี.ค.) อยู่ที่ 7.46 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.37 คลายกังวลวิกฤตภาคธนาคาร รอลุ้นผลประชุมเฟดสัปดาห์หน้า

– ผู้จัดการ ตลท.ชี้เครดิตสวิสไม่ได้ถือหุ้นไทย แต่รายชื่อที่โผล่มาจากการเป็นคัสโตเดียน เพราะนักลงทุนฝากหุ้นไว้ในชื่อธนาคาร ยืนยันไร้ผลกระทบ ด้านวงในระบุ ไม่มีคำสั่งขายใดๆ จากนักลงทุน ย้ำธนาคารแม่ ยังเดินหน้าดำเนินธุรกิจได้ หลังได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารกลางสวิส เดินหน้าขยาย Private Wealth มองไทยมีปัจจัยภายในหนุน

– วงการ บลจ. เตือนบรรยากาศลงทุนหุ้นโลกยังเปราะบางแนะปรับพอร์ตทำกำไร พร้อมจับตาดูสถานการณ์ใกล้ชิด “มอร์นิ่งสตาร์” เผย พบมีกองทุนไทยไปลงทุนหุ้นแบงก์ ในยุโรปเพียงรายเดียวมูลค่าแค่ 50 ล้าน เชื่อผลกระทบน้อย¶

– ธอส. การันตีแบงก์รัฐตรึงดอกเบี้ยยาว 6 เดือน มองวิกฤตแบงก์สหรัฐล่มไม่กระทบภาพรวมระบบการเงิน-เศรษฐกิจ ชี้แค่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน เชื่อ 1-2 สัปดาห์เรื่องเงียบ พร้อมกางแผนเตรียมขายหนี้เสีย 1 หมื่นล้านบาท จับมือ SMA เท 800 ล้านบาทปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำอุ้มคนซื้อบ้านมือสอง

– คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ได้ประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าและเศรษฐกิจ ไทย-ญี่ปุ่น ในการประชุมครั้งนี้ได้แลกเปลี่ยนความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ที่ทั้ง 2 ฝ่ายสนใจร่วมกัน ผู้แทนฝ่ายไทยและญี่ปุ่นได้เห็นชอบลงนามเอ็มโอยูระหว่างกันจะส่งเสริมความร่วมมือให้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น รวมถึงผลักดันประเด็นที่ทั้ง 2 ฝ่ายให้ความสำคัญต่อไป

 

*หุ้นเด่นวันนี้

– BA (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18 บาท โมเมนตัมกำไร ไตรมาส 1/66 คาดฟื้นตัวต่อเนื่องหนุนจาก Destination สมุยที่กลับเข้า High Season อีกครั้งหลังจากพ้นช่วงฤดูมรสุมไตรมาสก่อน และทยอยได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมา คาดกำไรผลการดำเนินงานปี 2566 พลิกมีกำไร 918 ลบ.และเร่งขึ้นเป็น 1.57 พันลบ. +71% y-y ในปี 2567 ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด 2023-24PER ที่ 28 เท่าและ 17 เท่า ตามลำดับ ต่ำกว่าคู่แข่งอย่าง AAV และกลุ่มโรงแรม

– GPSC (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 78.00 บาท คาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/66 ฟื้นตัว QoQ หนุนจากการปรับขึ้นค่า Ft งวดเดือน ม.ค.-เม.ย.66 จำนวน 61.5 สตางค์ต่อหน่วย ขณะที่ต้นทุนก๊าซฯ และถ่านหินลดลง ส่วนทิศทางในปี 66 คาดว่าโรงไฟฟ้า SPP จะเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนเชื้อเพลิงลดลง โดยคาดว่าราคาก๊าซในอ่าวจะปรับลดลงจากการผลิตของเอราวัณ-บงกชเพิ่มขึ้น ส่งผลบวกต่อการนำเข้า Spot LNG น้อยลง นอกจากนี้จะได้ประโยชน์จากค่า Ft ที่ทรงตัวในระดับสูงเพื่อลดการขาดทุนของ EGAT ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 66 อยู่ที่ 5.8 พันล้านบาท ฟื้นตัวเด่นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 891 ล้านบาท

– OSP (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 36 บาท ธุรกิจกำลังเข้าสู่ High season ในช่วงฤดูร้อน ด้านการแข่งขันในธุรกิจมีแนวโน้มลดลง และคาดว่า OSP จะได้ส่วนแบ่งการตลาดกลับคืน หลังกระทิงแดงปรับขึ้นราคาขายเป็น 12 บาทจากเดิม 10 บาทต่อขวด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มี.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top