ดาวโจนส์ดิ่งเหวกว่า 600 จุด หวั่น “เครดิต สวิส” โดมิโนตัวต่อไป

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 600 จุด ขณะที่บรรยากาศการซื้อขายถูกกดดันจากการทรุดตัวของหุ้นเครดิต สวิส

ณ เวลา 23.07 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 31,541.25 จุด ลบ 614.15 จุด หรือ 1.91%

หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงในการซื้อขายวันนี้ นำโดยหุ้นของเครดิต สวิส ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานะการเงินของทางธนาคาร

นักลงทุนพากันเทขายหุ้นเครดิต สวิส หลังธนาคารซาอุดี เนชั่นแนล แบงก์ (Saudi National Bank) หรือ SNB ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเครดิต สวิส ประกาศว่า SNB ไม่สามารถเพิ่มความช่วยเหลือทางการเงินต่อเครดิต สวิส เนื่องจากจะทำให้ SNB ถือหุ้นในเครดิต สวิสมากกว่า 10% ซึ่งจะเป็นการทำผิดกฎระเบียบธนาคาร

ก่อนหน้านี้ เครดิต สวิสเปิดเผยว่า ธนาคารขาดทุนสุทธิ 1.4 พันล้านฟรังก์สวิสในไตรมาส 4/2565 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.32 พันล้านฟรังก์สวิส ส่งผลให้ยอดขาดทุนตลอดทั้งปีอยู่ที่ 7.3 พันล้านฟรังก์สวิส

นอกจากนี้ ลูกค้าแห่ถอนเงินฝากมากกว่า 1.10 แสนล้านฟรังก์สวิสในไตรมาส 4/2565 ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับข่าวอื้อฉาวของธนาคารในการทำผิดกฎระเบียบ และความเสี่ยงในการถูกดำเนินคดี

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดวานนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจากเดือนม.ค. โดยบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ นักลงทุนขานรับมาตรการของทางการสหรัฐในการคุ้มครองเงินฝาก และจัดตั้งโครงการ “Bank Term Funding Program” เพื่อสกัดวิกฤตการณ์ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank) หรือ SVB ไม่ให้ลุกลามไปยังสถาบันการเงินอื่นๆ

อย่างไรก็ดี มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ประกาศปรับลดมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือของระบบธนาคารสหรัฐ จาก “มีเสถียรภาพ” สู่ “เชิงลบ” โดยเตือนว่า แม้ทางการสหรัฐออกมาตรการสกัดวิกฤต SVB แต่ธนาคารแห่งอื่นๆ ที่มีตัวเลขขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (unrealized losses) หรือผู้ฝากเงินที่ไม่ได้รับการค้ำประกันเงินฝาก จะยังคงเผชิญความเสี่ยงต่อไป

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ประจำเดือนก.พ.ในวันนี้

ทั้งนี้ ดัชนี PPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 4.6% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 5.7% ในเดือนม.ค.

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI ทั่วไปลดลง 0.1% ในเดือนก.พ. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค.

ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 4.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับเดือนม.ค.

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. โดยชะลอตัวจากระดับ 0.5% ในเดือนม.ค.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.4% ในเดือนก.พ. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 0.3% หลังจากพุ่งขึ้น 3.2% ในเดือนม.ค.

ยอดค้าปลีกเดือนก.พ.ได้รับผลกระทบจากการลดลงของยอดขายรถยนต์

ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนม.ค.

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 มี.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top