ESSO ราคาหุ้นปรับตัวลง 4.42% หรือลบ 0.40 บาท มาที่ 8.65 บาท มูลค่าซื้อขาย 309.51 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.41 น. โดยราคาเปิดที่ 8.85 บาท ราคาขึ้นไปสูงสุด 8.85 บาท ราคาต่ำสุด 8.60 บาท
BCP ปรับตัวลง 1.57% หรือลบ 0.50 บาท มาที่ 31.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 212.65 ล้านบาท
แม้ ESSO ประกาศจ่ายปันผล 0.30 บาท/หุ้น และ BCP แจ้งว่าราคาซื้อขาย ESSO จะอยู่ในช่วง 8.84-9.63 บาท/หุ้น ถ้าอ้างอิงกับงบการเงิน ณ สิ้นมิ.ย.65 และสิ้นก.ย.65 ซึ่งสูงกว่าราคาหุ้น ESSO ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ 8.65 บาท/หุ้น
บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เมื่อวานนี้คณะกรรมการ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) อนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังของปี 65 ที่ 0.30 บาท/หุ้น กำหนดขึ้น XD วันที่ 2 พฤษภาคม ต่ำกว่าประมาณการถึง 54% น่าจะเป็นเพราะบริษัทอยากเสริมความแข็งแกร่งของงบดุลท่ามกลางความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกถดถอยในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป
ทั้งนี้ เมื่อรวมกับเงินปันผลงวดครึ่งปีแรกของปี 65 ที่ 0.50 บาท/หุ้น เงินปันผลเต็มปีของ ESSO ในปีที่แล้วจะอยู่ที่ 0.80 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล (payout ratio) ที่ 29% สำหรับงวดปี 65 ซึ่งต่ำกว่า payout ratio ที่ 47% ในปี 60 และ 61 ขณะที่บริษัทไม่ได้จ่ายเงินปันผลในงวดปี 62-64
ถึงแม้ว่าเงินปันผลในงวดครึ่งปีหลังของปี 65 จะต่ำกว่าที่เราคาดไว้ แต่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเต็มปียังอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 6.3% เมื่อคิดจากราคาปิดล่าสุด (รวมเงินปันผลงวดครึ่งปีแรกของปี 65 ที่ 0.50 บาท/หุ้น) ขณะเดียวกันเราปรับลดสมมติฐาน payout ratio จาก 45% เหลือ 30% ทำให้ประมาณการเงินปันผลปี 66 อยู่ที่ 0.57 บาท/หุ้น และปี 67 อยู่ที่ 0.51 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเต็มปีที่ 6.3% และ 5.6% จากราคาหุ้นในปัจจุบัน ตามลำดับ
และ คาดว่า บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) จะซื้อหุ้น ESSO (Thailand) จากผู้ถือหุ้นใหญ่เรียบร้อยในครึ่งปีหลัง 66 โดย BCP จะเข้าซื้อหุ้น 2,283.75 ล้านหุ้น หรือ 65.99% ใน ESSO (Thailand) จาก ExxonMobil Asia Holdings ที่ได้ยื่นขออนุมัติจากกระทรวงพลังงานยกเว้นการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในข้อตกลงการขยายโรงกลั่น ลงวันที่ 27 ธ.ค.2534 ในขณะที่การทำธุรกรรมนี้ไม่จำเป็นต้องขออนุมัติจากรัฐบาล ในขณะเดียวกัน BCP กำลังเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อยื่นขออนุมัติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านการผูกขาดจากสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ในการเข้าไปซื้อหุ้นใหญ่ใน ESSO
นอกจากนี้ BCP มีกำหนดจะจัดการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี (AGM) ในวันที่ 11 เม.ย. เพื่อขออนุมัติการเข้าทำธุรกรรมนี้ ซึ่งกรอบเวลาในทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับดีลนี้ยังเป็นไปตามกำหนด ดังนั้นผู้บริหารของ BCP จึงยืนยันว่าการเข้าซื้อหุ้นใหญ่ใน ESSO น่าจะเสร็จเรียบร้อยภายในครึ่งปีหลังของปี 66
เรายังคงคำแนะนำซื้อ ESSO โดยยังคงราคาเป้าหมายปี 66 เอาไว้ที่ 11.40 บาท อิงจาก EV/EBITDA ที่ 5.5x ถึงแม้ว่าจะมีประเด็นที่กดดันราคาหุ้น ESSO ไปจนถึง 2H66 แต่เรามองว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 6.3% ในปี 66 และ 5.6% ในปี 67 ยังคงน่าสนใจ และจะจำกัดความเสี่ยงด้าน downside ของราคาหุ้นหลังจากที่ BCP ให้ราคาซื้อสมมุติเบื้องต้นของ ESSO เอาไว้ในช่วง 8.84-9.63 บาท/หุ้น อิงจากงบไตรมาส 2/65-ไตรมาส 3/65 ในขณะที่ผู้บริหารของ BCP ยังไม่สามารถคำนวณราคาซื้อสมมุติล่าสุดที่อิงจากงบการเงินงวดไตรมาส 4/65 ของ ESSO ได้เพราะยังขาดข้อมูลจาก ESSO
ทั้งนี้ในการที่จะ delist หุ้น ESSO ออกจาก SET นั้น BCP จำเป็นต้องซื้อหุ้นให้ได้ 85% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด แต่เราเชื่อว่า BCP จะไม่สามารถซื้อหุ้น ESSO ได้ครบตามเกณฑ์ดังกล่าว จากการเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ ESSO ที่ถือหุ้น 34.01% ในราคาเดียวกับที่เสนอซื้อจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ ESSO
ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BCP เตรียมเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น 11 เม.ย.66 ขออนุมัติซื้อหุ้น ESSO สัดส่วน 65.99% จาก Exxon Mobil Asia Holdings Pte. Ld. โดยบริษัทได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ขายแล้วเมื่อวันที่ 11 ม.ค.66 หลังซื้อแล้วจะทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้นที่เหลือ 34.01% จากนักลงทุนรายย่อย บริษัทแจ้งว่าราคาซื้อขาย ESSO จะอยู่ในช่วง 8.84-9.63 บาท/หุ้น ถ้าอ้างอิงกับงบการเงิน ณ สิ้นมิ.ย.65 และสิ้นก.ย.65
ทาง BCP ประกาศจ่ายปันผลสำหรับ ครึ่งปีหลังของปี 65 เท่ากับ 1.00 บาท/หุ้น ขึ้น XD ไปแล้วเมื่อ 7 มี.ค.66 (โดยจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว 1.25 บาท/หุ้น รวมเป็นปันผลของปี 65 ทั้งหมด 2.25 บาท/หุ้น) ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน 31.75 บาท ให้ DY ของงวดครึ่งปีหลังของปี 65 เท่ากับ 3.1% จ่ายปันผลวันที่ 24 เม.ย.66 สำหรับปันผลปี 66 คาดการณ์ไว้ที่ 2.0 บาท/หุ้น ที่ราคาหุ้นปัจจุบันให้ DY ประมาณ 6.3% (จ่ายปีละ 2 ครั้ง)
ประมาณการว่าการเข้าซื้อ ESSO จะสร้างมูลค่าเพิ่ม 2-5 บาท/หุ้น BCP โดยราคาซื้ออยู่ในช่วง 8.84-9.63 บาท/หุ้น ESSO ใช้เงินลงทุน 5.55 หมื่นล้านบาท จากเงินสดในมือและกู้สถาบันการเงิน โดยคาดว่าดีลการซื้อขายจะแล้วเสร็จภายใน ครึ่งปีหลังของปี 66
ฝ่ายวิจัยฯ DBSVTH คงคำแนะนำซื้อ BCP ให้ราคาพื้นฐาน 43 บาท อิงกับ P/BV ปี 23F ที่ 0.8 เท่า(Mean+0.5SD) ความเสี่ยงหลัก คือ ความผันผวนราคาน้ำมัน & ค่าการตลาด และการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มี.ค. 66)
Tags: BCP, ESSO, บางจาก คอร์ปอเรชั่น, หุ้นไทย, เอสโซ่