ก้าวไกล เปิดเอกสารส่วนต่างสายสีส้ม 6.8 หมื่นลบ. จับตาลักไก่เข้า ครม.

นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (กก.) เปิดเผยกรณีข้อสงสัยอาจมีการทุจริตประมูลสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ก่อนหน้านี้ตนเคยอภิปรายไปหลายครั้ง ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความพยายามกีดกันคู่แข่งของ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ผู้ชนะการประมูล ซึ่งก็คือ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) ให้ออกไปจากการแข่งขัน โดยมีส่วนต่างที่รัฐต้องจ่ายอุดหนุนให้เอกชนสูงถึงกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท

“นี่คือการประมูลที่เกิดขึ้นถึงสองครั้งเพื่อสร้างสิ่งเดียวกัน แต่มีส่วนต่างสูงถึง 6.8 หมื่นล้านบาท และขอยืนยันอีกครั้งว่าส่วนต่างมีอยู่จริง แม้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะพยายามปฏิเสธเพียงใดก็ตาม โดยสิ่งที่ปรากฏอยู่ในเอกสารที่ได้มาครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันที่ดีที่สุด นั่นคือข้อเสนอของฝ่าย BEM ที่ผมได้พยายามขอมาหลายครั้งผ่านทุกช่องทางแล้ว แต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบสนองจากหน่วยงานใดๆ ที่เกี่ยวข้องเลย แต่บัดนี้เข้าใจได้ว่าเมื่อหัวโจกไม่อยู่แล้ว ข้าราชการที่รักความยุติธรรมจึงเริ่มเคลื่อนไหว ส่งข้อมูลมาให้ผมในที่สุด” นายสุรเชษฐ์ กล่าว

เมื่อนำข้อมูลข้อเสนอจากทั้ง 2 ฝ่ายมาเปรียบเทียบกันจะเห็นได้ว่าข้อเสนอของ BTS จะขอเงินจากรัฐอุดหนุนค่าก่อสร้างในปีที่ 3-8 ยอดรวม 79,820 ล้านบาท โดยจะมีกำไรจ่ายคืนรัฐในปีที่ 20 เป็นต้นไป รวมเป็นเงินจำนวน 70,145 ล้านบาท ผลรวมจะเท่ากับเกิดส่วนต่างที่รัฐต้องอุดหนุนเพียง 9,675 ล้านบาท

ขณะที่ข้อเสนอของ BEM นั้นขอเงินรัฐอุดหนุนค่าก่อสร้างในปีที่ 3-8 เป็นจำนวน 81,871 ล้านบาท โดยผลตอบแทนที่ BEM จะให้ตั้งแต่ปีที่ 14 เป็นต้นไป จะคืนเป็นยอดรวมเพียง 3,583 ล้านบาทเท่านั้น

นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า BTS มีข้อเสนอจะจ่ายคืนให้รัฐ 70,145 ล้านบาท BEM จะคืนให้เพียง 3,583 ล้านบาท โดยที่ค่าก่อสร้างแทบไม่ต่างกันเลย ผิดกับที่ฝ่าย รฟม. มักออกมาอ้างว่าจำเป็นต้องใช้เทคนิคชั้นสูงในการสร้างอุโมงค์ใต้ดิน ทำให้ต้องใช้งบประมาณมากขึ้น แต่หากลงไปดูในรายละเอียดเปรียบเทียบกันแล้ว จะพบว่าทั้งสองข้อเสนอแทบไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย

“ที่ต่างจริงๆ ก็คือผลตอบแทนที่จะคืนให้รัฐ ซึ่ง BEM ให้น้อยกว่า BTS สมาก คำถามคือส่วนต่างนี้จะเอาไปทอนให้ใคร แน่นอนว่าทั้งหมดจะอยู่ในกระเป๋าของ BEM แต่ BEM จะเอาไปให้ใคร หรือให้พรรคการเมืองใดหรือไม่ ผมอยากให้พี่น้องสื่อมวลชนและประชาชนร่วมกันติดตาม” นายสุรเชษฐ์ กล่าว

นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากวันนี้ไปจนถึงการเลือกตั้ง คณะรัฐมนตรี (ครม.)ยังมีเวลาเหลืออย่างมากเพียง 2 ครั้งที่จะอนุมัติเรื่องต่างๆ คือการประชุม ครม.ในวันพรุ่งนี้ (14 มี.ค.) หรือหากยังไม่มีการยุบสภาเร็วๆ นี้ก็จะต้องเป็นการประชุม ครม. สัปดาห์หน้า ที่ต้องจับตาคือจะมีการยัดเรื่องนี้เข้าไปหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่าถ้าทุกคนเงียบเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อไร จะมีการนำเข้าไปแน่นอน รวมทั้งอาจมีการใช้กระบวนการยุติธรรมมาฟอกขาว ว่าข้อเสนอของ BTS เป็นข้อเท็จจริงนอกสำนวน

ทั้งนี้ ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดของฝั่ง รฟม. และกระทรวงคมนาคม กล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่คล้ายคลึงกับกรณีป้ายสถานีรถไฟกรุงเทพอภิวัฒน์ ที่เป็นการทำให้ถูกต้อง ‘โดยกระบวนการ’ แต่ในข้อเท็จจริงเป็นการทุจริตแบบเห็นๆ ตนจึงขอฝากทุกคนให้ติดตามเรื่องนี้ต่อไป อย่าปล่อยให้เมกะโปรเจกต์กลายเป็นเมกะดีล และที่โครงการล่าช้า ทั้งที่ควรเปิดให้บริการประชาชนได้เร็วๆ นี้แล้ว ก็เป็นเพราะการเอาโครงการมาหากินกัน

นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอ และจะดำเนินการต่อหากได้เป็นรัฐบาล คือการเปิดประมูลใหม่อย่างโปร่งใสและเป็นธรรม ให้ทั้งอัยการ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มากางปัญหาร่วมกัน เพื่อให้มีความโปร่งใส ตรงไปตรงมา แล้วทุกอย่างจะดำเนินการผ่านไปได้อย่างเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับทุกฝ่าย

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 มี.ค. 66)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top