บมจ.โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2566ซึ่งประชุมเมื่อวันที่10 มีนาคม 2566 รับทราบข้อเสนอของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เรื่องแจ้งความประสงค์ในการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท และเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัท จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นไปตามหนังสือแจ้งความประสงค์ในการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท เพื่อการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัท จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ลงวันที่10 มีนาคม 2566 จากไทยเบฟ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท (ณ วันที่ 13ธันวาคม 2565 ไทยเบฟถือหุ้นในบริษัท จำนวนทั้งสิ้น 298,720,398 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 79.66 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท)
โดยไทยเบฟมีความประสงค์ที่จะทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญของบริษัทที่เหลือทั้งหมดจำนวน 76,279,602 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.34ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท เพื่อการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัท จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในราคาเสนอซื้อหุ้นที่ราคา 59.00 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ ไทยเบฟแจ้งว่าเหตุผลและที่มาของการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทดังกล่าว มีดังต่อไปนี้
-
ไทยเบฟเล็งเห็นว่าปัจจุบันปริมาณการซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีไม่มากนัก ไทยเบฟจึงเห็นว่าการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มทางเลือกและโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัทสามารถขายหุ้นของบริษัทได้
-
กลุ่มไทยเบฟอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับแผนการปรับโครงสร้างการดำเนินงานและการประกอบธุรกิจของกลุ่มธุรกิจอาหาร และกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ภายในกลุ่ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และ/หรือเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยจะดำเนินการจัดกลุ่มธุรกิจอาหาร และกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึง การปรับโครงสร้างของกิจการในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งอาจดำเนินการในลักษณะของการซื้อ จำหน่าย หรือโอนทรัพย์สินหรือสิทธิต่าง ๆ การควบรวมกิจการ การโอนสิทธิตามสัญญาทางการเงิน การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือแนวทางในการดำเนินธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบริหารงาน การโอนย้ายพนักงาน การกู้ยืม-ให้กู้ยืมเงิน การระดมทุนในรูปแบบต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งการปรับโครงสร้างที่กล่าวมานี้อาจมีการทำรายการหรือธุรกรรมระหว่างบริษัทกับไทยเบฟ และ/หรือบริษัทในกลุ่มไทยเบฟได้
ทั้งนี้ ไทยเบฟจะพิจารณาดำเนินการตามแผนการดังกล่าวตามความเหมาะสมในอนาคต เนื่องจากแผนการดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน จึงอาจมีการเพิ่มเติม และ/หรือ เปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น การเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัท จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน จะทำให้สามารถเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการกิจการและแผนการปรับโครงสร้างดังกล่าวมากยิ่งขึ้น และ
-
เนื่องจากบริษัทจะไม่มีสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกต่อไป การดำเนินการดังกล่าวจะยังช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการเป็นบริษัทจดทะเบียน
คณะกรรมการอนุมัติให้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2566เวลา 10.00 น. ในสถานที่ประชุมที่จะแจ้งให้ทราบต่อไปและในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส โดยกำหนดให้วันที่ 27 มีนาคม 2566 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 (Record Date) โดยราคาซื้อขายครั้งหลังสุด 46.50 บาท/หุ้น เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566
ผู้ถือหุ้น 10 อันดับแรก ได้แก่
-
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ถือ 79.66%
-
DEUTSCHE BANK AG SINGAPORE – PWM ถือ 4.80%
-
DBS BANK LTD. AC DBS NOMINEES-PB CLIENTS สิงคโปร์ ถือ 4.78%
-
นาย ทวีฉัตร จุฬางกูร ถือ 3.25%
-
BANK OF SINGAPORE LIMITED-THB SEG AC ถือ 2.5%
-
นาย อยุทธ์ ชาญเศรษฐิกุล ถือ 0.69%
-
กองุทนเปิดบัวหลวงตราสารทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ถือ 0.48%
-
กองทุนเปิด บัวหลวงเฟล็กซิเบิ้ลเพื่อการเลี้ยงชีพ ถือ 0.41%
-
นางสาว จินตนา กาญจนกำเนิด ถือ 0.29%
-
นางหทัยรัตน์ จุฬางกูร ถือ 0.28%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 มี.ค. 66)
Tags: OISHI, หุ้นไทย, โออิชิ กรุ๊ป, ไทยเบฟ