นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัย กล่าวว่าเมื่อมาถึงพิษณุโลกก็อดกล่าวถึงคุณอา (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ไม่ได้ เพราะครั้งที่นางสาวยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เคยคิดไว้ว่าจะพัฒนา ‘บางระกำ โมเดล’ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม-น้ำแล้งให้พี่น้องประชาชน แต่ถูกรัฐประหารไปก่อน พี่น้องประชาชนจึงถูกพรากโอกาสได้พัฒนาชีวิตไป
ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง พรรคเพื่อไทยจึงจะนำ ‘บางระกำ โมเดล’ กลับให้พี่น้องชาวพิษณุโลกอีกครั้ง เพื่อคืนชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชนอีกครั้งโดย อย่างแรกคือ การขยายคลอง เพื่อระบายน้ำจากแม่น้ำน่านลงสู่แม่น้ำยม ไม่ให้น้ำค้างอยู่ในที่นาของประชาชนนานเกินไป อย่างที่สองคือการทำแก้มลิงขนาดใหญ่ เพื่อดักน้ำที่ไหลหลากให้พี่น้อง และอย่างที่สามคือ การปรับปรุงอ่างเก็บน้ำชุมชนให้พี่น้องได้มีใช้ในหน้าแล้ง
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะพัฒนานโยบายนี้ให้ครอบคลุมถึงการยกสะพานเพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถสัญจรได้อย่างสะดวก ถนนไม่ขวางทางน้ำ เพราะพรรคเพื่อไทยรู้ดีว่าปัญหาน้ำเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบรายได้ของพี่น้องประชาชน
นอกจากนี้อุปสรรคในของเกษตรกรที่ก่อให้เกินหนี้สินมากมาย หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลเราพร้อมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ทันที เริ่มจากการพักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี พร้อมกับนโยบาย 3ดี ได้แก่
- ‘ดินดี น้ำดี’ นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำการเกษตรเพื่อทำให่น้าและดินเหมาะสมกับการเพาะปลูก
- ‘เมล็ดพันธุ์ดี’ ช่วยทุ่นแรงในเกษตร ในการหาเมล็ดพันธุ์ที่ดีในการเพาะปลูก
- ‘ขายได้ราคาดี’ ราคาสินค้าเกษตรต้องขึ้นยกแพง ภายใน 4 ปี พี่น้องชาวเกษตรกรจะเพิ่มขึ้น 3 เท่า
นอกจากนี้เรื่องการท่องเที่ยว พรรคเพื่อไทยตั้งใจพี่จะพัฒนาให้สนามบินพิษณุโลกกลายเป็นสนามบินนานาชาติ เพิ่มเที่ยวบิน และสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้คนรุ่นใหม่ได้มีทางเลือกได้ทำในสิ่งที่สนใจ
“แม้เมืองพิษณุโลกจะมีสองแคว แต่ขอให้ชาวพิษณุโลกรวมใจกันเป็นหนึ่ง เลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งคน ทั้งพรรค ให้แลนด์สไลด์ทั้งพิษณุโลกไปเลยนะคะ” แพทองธารกล่าวก่อนแนะนำนายเศรษฐา ทวีสิน หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยบนเวทีต่อไป
*”เศรษฐา ทวีสิน”ขอคนพิษณุโลกเลือกเพื่อไทยยกจังหวัด
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวปราศรัยบนเวทีคิดใหญ่ทำใหญ่ เพื่อไทยทุกคน ที่อาคารวังเป็ดรวมใจ อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ว่า วันนี้ในฐานะน้องใหม่ทางการเมืองมาพร้อมกับหัวใจที่มีความเชื่อมั่นในอำนาจของประชาชน เชื่อมั่นในระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ ไม่เอารัฐประหาร
วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องมาพิจารณาว่าในในรอบ 8 ปีอันยาวนาน เราเจอปัญหาอะไรบ้าง คุณแพทองธารได้บอกแล้วว่าปัญหาที่เราเจอมาเยอะเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นปัญหารายได้ตกต่ำเหล่านี้ เป็นปัญหาที่กินใจพวกเราเหลือเกิน
ครึ่งหนึ่งของประชากรพิษณุโลกเป็นเกษตรกร มีหนี้สินที่เกิดจากการทำการเกษตร ไม่น่าเชื่อว่านี่อู่ข้าวอูน้ำของประเทศ พี่น้องเกษตรกรกว่าเป็นหนี้.ใช้หนี้ไม่พอเกิดจากผู้นำประเทศไม่ไปขยายตลาด ไม่มีนวัตกรรมมาเสริม ทำนาแทบตายต่อไร่ได้เงินสุทธิแค่ 1,000 บาทแล้วจะกินจะอยู่กันอย่างไร
คนแก่ คนเฒ่าเกษียณไป มีเงินไม่สามารถเลี้ยงดูได้อย่างมีศักดิ์ศรี นี่ถือเป็นปัญหาใหญ่ พรรคเพื่อไทย เราใช้การตลาดนำ นวัตกรรมเสริม ถ้าเกิดเราได้เข้ามาบริหารจัดการเรื่องเกษตรกรรมตนเชื่อว่าว่ารายได้ของเราจะเพิ่มขึ้น 3 เท่าภายใน 4 ปี เงินสุทธิที่เคยได้ต้องเป็น 3,000 บาท
สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นลำบาก ถ้าเกิดพรรคเพื่อไทยไม่ได้เข้ามาบริหารประเทศแบบพรรคเดียว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้กล่าวไว้แล้วเรามี 250 ส.ว. เป็นขวากหนามที่ต้องฟันฝ่าเข้าไป พรรคเพื่อไทยต้องได้อย่างน้อย 310 ที่นั่ง เริ่มต้นที่นี่เริ่มต้นวันนี้ 5 เขต ของจังหวัดพิษณุโลกต้องยกจังหวัด
“ผมไม่อยากกลับมาที่นี่อีก เพื่ออธิบายว่าทำไมว่าทำไม่ได้ แต่ถ้าเกิดยกเขตได้ 5 เขตในพิษณุโลก ตนเชื่อว่าทุกเรื่องที่ท่านหัวหน้าได้พูดเราต้องทำได้ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมาดูว่า 8 ปีมันเพียงพอ 4 ปีต่อไปเราอยากได้อะไร คิดให้ดี อย่าปันใจไม่ต้องมีพรรคพี่ พรรคน้อง พรรคสาขาไม่มีเราไม่เคยพูด ต้องพรรคเพื่อไทยทั้ง 5 เขตพิษณุโลกและสไลด์ทั้งแผ่นดิน”
เศรษฐา ทวีสิน กล่าวทิ้งท้าย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 มี.ค. 66)
Tags: พรรคเพื่อไทย, อุ๊งอิ๊ง, เลือกตั้ง, เศรษฐา ทวีสิน, แพทองธาร ชินวัตร