เรปต์ แบตเตอโร โชว์ผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่พันธุ์ใหม่ในงานแบตเตอรี่ อินโดนีเซีย

เรปต์ แบตเตอโร เอเนอจี บริษัทในเครือบริษัทชิงชานของจีน ได้เปิดตัวโซลูชันกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่พันธุ์ใหม่ในมหกรรมแบตเตอรี่ แอนด์ เอเนอจี สตอเรจ อินโดนีเซีย ประจำปี 2566 (Battery & Energy Storage Indonesia 2023) ซึ่งโซลูชันดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อเสริมสมรรถนะการทำงานของรถยนต์พลังงานใหม่และระบบกักเก็บพลังงานอัจฉริยะ

เจีย ฮง ผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำระบบกักเก็บพลังงานของเรปต์ แบตเตอโร กล่าวว่า ในฐานะบริษัทพลังงานหมุนเวียนแห่งแรกที่ชิงชาน กรุ๊ป ทุ่มเงินลงทุน เรามั่นใจว่า เรปต์ แบตเตอโร จะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้อินโดนีเซียบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ใช้โอกาสนี้ในการแสดงนวัตกรรมด้านพลังงานสีเขียวล่าสุดของเราที่มหกรรมแบตเตอรี่ อินโดนีเซีย ประจำปี 2566 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางของเราที่จะเดินหน้าปฏิวัติวิธีการควบคุม กักเก็บ และใช้พลังงานหมุนเวียนในอินโดนีเซีย” เจีย ฮง กล่าว

โซลูชันดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ เซลล์แบตเตอรี่ แท่นรองรับแบตเตอรี่ และระบบแบบบูรณาการ โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะถูกจัดแสดงอยู่ที่บูธหมายเลข A2I2-01 ซึ่งทุกคนสามารถเข้ามาร่วมรับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ว่า ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ของเรปต์ แบตเตอโร จะช่วยเข้ามาผลักดันนวัตกรรมพลังงานหมุนเวียน และขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมการกักเก็บพลังงานได้อย่างไร

มหกรรมแบตเตอรี่ อินโดนีเซีย จัดโดยโกลบอล เอ็กซ์โป เมเนจเมนต์ (จีอีเอ็ม อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในมหกรรมแสดงสินค้าด้านเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีบริษัทกว่า 200 แห่งมาร่วมนำเสนอนวัตกรรม และมีผู้เข้าชมประมาณ 15,000 คน ตลอดระยะเวลา 3 วันของการจัดงาน

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือ ผลิตภัณฑ์กักเก็บพลังงานรุ่นใหม่ของเรปต์ แบตเตอโร ที่มาพร้อมเซลล์แบตเตอรี่ 72 แอมแปร์-ชั่วโมง (Ah) ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ได้สืบทอดประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมจากแบตเตอรี่รุ่นก่อนซึ่งมีเซลล์ 50 แอมแปร์-ชั่วโมง แต่ได้เพิ่มความจุมากขึ้น ตลอดจนอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มรอบการชาร์จได้สูงสุด 6,000-8,000 ครั้ง ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ช่วยยืดระยะการใช้งาน อีกทั้งยังมอบประสิทธิภาพด้านการดำเนินงานที่สม่ำเสมอและดีขึ้นกว่าเดิม ถือเป็นทางเลือกที่ลงตัวสำหรับผู้บริโภคที่กำลังมองหาโซลูชันการกักเก็บพลังงานที่ใช้งานได้ยาวนานและมีประสิทธิภาพสูง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มี.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top