นายพงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล รองประธานกรรมการ บมจ.ช.การช่าง (CK) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าปี 66 จะมีงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มี Backlog แล้ว 6 หมื่นล้านบาท แม้จะมองว่าโครงการก่อสร้างของภาครัฐน่าจะชะลอตัว เพราะอยู่ในช่วงเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จึงคาดว่าจะมีจำนวนโครงการภาครัฐออกมาประมูลไม่มาก
ในไตรมาส 2/66 CK คาดว่าจะได้รับงานก่อสร้างเขื่อนหลวงพระบางที่ สปป.ลาว มูลค่างานประมาณ 8-9 หมื่นล้านบาท และหากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเซ็นสัญญาได้ก็จะมีงานเข้ามาเพิ่มอีกราว 9 หมื่นล้านบาท จะทำให้ในปีนี้ Backlog ของบริษัทขึ้นไปทะลุ 2 แสนล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 6-7 ปีจากนี้
“งานภาครัฐน่าจะชะลอจากการเลือกตั้ง คิดว่าเปิดประมูลไม่เยอะ แต่เพราะ ช.การช่วงมีโมเดลธุรกิจทำให้เรามีงานในมือต่อเนื่อง ไม่ต้องพึ่งพางานภาครัฐอย่างเดียว”
ทั้งนี้ บมจ.ซีเคเพาเวอร์ (CKP) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ CK ถือหุ้น 30%) เป็นเจ้าของงานเขื่อนหลวงพระบาง ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) บริษัทลูก CK ซึ่งถือหุ้น 32.37% เป็นผู้ชนะการประมูล อยู่ระหว่างรอลงนามสัญญากับภาครัฐ
นายพงษ์สฤษดิ์ กล่าวว่า สำหรับรายได้จากงานก่อสร้างในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท สูงขึ้น 10% จากปีก่อนที่มีรายได้จากงานก่อสร้าง 1.8 หมื่นล้านบาท โดยงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้และรถไฟทางคู่ก็เริ่มรับรู้มากขึ้นตามความคืบหน้าของการก่อสร้าง ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังคงรักษาไว้ที่ 7-8% ใกล้เคียงปีก่อน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มี.ค. 66)
Tags: BEM, CK, CKP, ช.การช่าง, ซีเคเพาเวอร์, ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ, พงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล, หุ้นไทย