หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์กรอบจำกัด รอตัวเลขการจ้างงาน-เงินเฟ้อสหรัฐ

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ในกรอบจำกัด จากนักลงทุนรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐในคืนวันศุกร์นี้ และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ก่อนการประชุมเฟด เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ย ขณะที่วานนี้ประธานเฟด ได้แถลงต่อสภาคองเกรส เป็นวันสุดท้าย โดยระบุว่ายังไม่ได้ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ให้กรอบแนวรับไว้ที่ 1,600 จุด และแนวต้าน 1,620-1,625 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ คาดแกว่งไซด์เวย์ในกรอบจำกัด คล้ายกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวทั้งในด้านบวกและลบ เนื่องจากนักลงทุนยังรอความชัดเจนตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในคืนวันศุกร์นี้ และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ซึ่งถือเป็นตัวเลขสำคัญก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ย

ขณะที่วานนี้นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงนโยบายการเงินต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 โดยระบุว่ายังไม่ได้ตัดสินใจที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งการพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยยังต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่ข้อมูลภาคแรงงานล่าสุดของสหรัฐฯ ยังคงออกมาแข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาด เป็นแรงหนุนเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง

ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามการเปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

ให้กรอบแนวรับไว้ที่ 1,600 จุด และแนวต้าน 1,620-1,625 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (8 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,798.40 จุด ลดลง 58.06 จุด หรือ -0.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,992.01 จุด เพิ่มขึ้น 5.64 จุด หรือ +0.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,576.00 จุด เพิ่มขึ้น 45.67 จุด หรือ +0.40%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 28,648.11 จุด เพิ่มขึ้น 203.92 จุด หรือ +0.72%, ดัชนีฮั่งเส็งเปิดภาคเช้าที่ระดับ 20,082.42 จุด เพิ่มขึ้น 31.17 จุด หรือ +0.16% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,285.94 จุด เพิ่มขึ้น 2.69 จุด หรือ +0.08%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 มี.ค.)1,612.60 จุด ลดลง 5.91 จุด (-0.37%) มูลค่าการซื้อขาย 59,250.43 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 3,956.76 ลบ. เมื่อวันที่ 8 มี.ค.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.(8 มี.ค.) ลดลง 92 เซนต์ หรือ 1.19% ปิดที่ 76.66 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 มี.ค.) อยู่ที่ 7.41 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.07 ทรงตัวจากวานนี้ รอปัจจัยใหม่ ให้กรอบวันนี้ 34.95-35.20

– “แบงก์ชาติ” เตือนแนวโน้ม เงินบาทยังผันผวนสูง แนะเอกชน ประกันความเสี่ยง ขณะ “เฟทโก้” ประเมินลากยาวอีก 2 เดือน จับตาเฟดขึ้นดอกเบี้ยทะลุ 6% ในปีนี้ ด้านผู้ประกอบการ ส่งออกจี้ดูแลค่าเงิน หลังต้นทุนการเงินพุ่งจากค่าเงินที่ผันผวนแรง “อาคม” ย้ำ เศรษฐกิจไทยไม่ร้อนแรงเกินไป มั่นใจแตะเบรกเงินเฟ้อให้ลดต่ำ เข้าสู่กรอบเป้าหมาย 3% ได้

– บอร์ดอีวี เตรียมชง ครม.สัปดาห์หน้า เคาะแพ็กเกจ ฉบับปรับปรุง เร่งเสนอก่อนยุบสภา รองรับค่ายรถทุกค่ายในโลกลงทุนไทย เล็งยืดเวลาผลิตรถทดแทนการนำเข้าจาก 2 ปี เป็น 3 ปี ยืนยันค่ายรถกลุ่มไม่เสียเปรียบ สามารถเปลี่ยนมาเข้ามาตรการใหม่ได้ พร้อมซอยประเภทรถที่รับเงินอุดหนุนให้ละเอียดขึ้น

– “เฟทโก้” แนะรัฐ เร่ง 6 เรื่อง เตรียมเศรษฐกิจไทยให้พร้อม ก่อนเข้าสู่ช่วงสุญญากาศเลือกตั้ง รับเศรษฐกิจโลกซบเซา “อัดงบท่องเที่ยว-ดึงเงินเอฟดีไอ-ดูแลเงินบาท-เร่งอนุมัติโครงการสำคัญพร้อมรับเบิกจ่ายงบล่าช้า-อัดสภาพคล่องให้เอสเอ็มอี ด้าน 25 มี.ค.นี้ เปิดเวทีรับ 9 พรรคโชว์วิสัยทัศน์ขับเคลื่อนตลาดทุน ฟาก “หุ้นไทย” ผวาเฟดขึ้นดอกเบี้ยแรง ดัชนีฯ หลุด 1,600 จุด

– “สุพัฒนพงษ์” นั่งหัวโต๊ะ “กบง.” เคาะมาตรการดูแลค่าครองชีพ ปชช.ด้านพลังงานขยายเวลาตรึงราคา LPG 423 บาทต่อถัง 15 กก. จากสิ้นสุด มี.ค.ต่อไปอีก 3 เดือน เริ่ม 1 เม.ย.-30 มิ.ย. 66 NGV ตรึง ราคารถยนต์ทั่วไปที่ 17.59 บาทต่อ กก. 3 เดือน เริ่ม 16 มี.ค.-15 มิ.ย. 66 รถแท็กซี่โครงการเอ็นจีวีเพื่อลมหายใจเดียวกันที่ 13.62 บาทต่อ กก. 3 เดือน เริ่ม 16 มี.ค.-15 มิ.ย. 66 พร้อมไฟเขียวคงผสมไบโอดีเซลเป็น B7 1 เม.ย.-30 ก.ย.ป้องราคาเนื้อน้ำมันดีเซลเพิ่ม ด้านที่ประชุม กกพ. เปิด 3 ทางเลือกปรับ ค่าไฟ พ.ค.- ส.ค. 66 เสนอ “บิ๊กตู่” 9 มี.ค.นี้

หุ้นเด่นวันนี้

– CPN (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 82 บาท ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2566 โดยคาดกำไรปกติ +18% y-y ตามการ Reopening เต็มปี หนุนค่าเช่ากลับสู่ระดับปกติ โดยล่าสุดรายได้และ Margin ในปี 2565 เริ่มกลับสู่ระดับ Pre-COVID-19 แล้ว การขายหุ้นซื้อคืน 17.15 ล้านหุ้นเริ่มวันที่ 10 มี.ค. เรามองกระทบจำกัด โดยคิดเป็นเพียง 0.4% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับฐานแรงในช่วงเดือนที่ผ่านมาเรามองเป็นโอกาสดีในการเข้าลงทุนรอบใหม่

– WHA(ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 4.20 บาท) ประเมินยอด Presale และโอนของ WHA มีโอกาสเร่งตัวขึ้นตลอดปี 2566-2567 หลังบอร์ด EV เตรียมชงนโยบายหนุนการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า (ต้องผลิตเพื่อชดเชยใน 2 ปี) ในวาระการประชุม ครม. สัปดาห์หน้า ประเมิน Gross Margin โดยเฉลี่ยของ WHA ในปี 2566 จะดีขึ้น คาดปี 2023E ที่ 49.4% เทียบกับปี 2022 ที่ 44.7% แนวโน้มกำไรสุทธิปี 2566 เติบโตต่อแม้ไม่มีการโอนที่ดินแปลงใหญ่ DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2566-2567 ที่ 3.8 พัน ลบ. และ 4.5 พัน ลบ. +5.5%YoY, +16%YoY

– OSP (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้าสูงสุด IAA Consensus 36.0 บาท ธุรกิจกำลังเข้าสู่ High season คาดการแข่งขันลดลง และ OSP จะได้ส่วนแบ่งการตลาดกลับคืน หลังกระทิงแดงปรับขึ้นราคาขายเป็น 12 บาทจากเดิม 10 บาทต่อขวด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มี.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top