นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บมจ.ไรมอน แลนด์ (RML) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 66 บริษัท ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนในโครงการต่างๆ จากการระดมทุนด้วยตนเองไปสู่การลงทุนร่วมกับบริษัทอื่น (Joint venture) รวมทั้งกลยุทธ์ แอสเสท ไลท์ (Asset light) ซึ่งเน้นเปิดโครงการร่วมกับเจ้าของที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ทำให้ประหยัดต้นทุนค่าที่ดินมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมุ่งพัฒนาและลงทุนโครงการที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income) สามารถรับรู้รายได้เร็ว และรายได้ประจำมากขึ้น โดยในไตรมาส 2/66 จะเปิดให้บริการ ‘วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์’ (One City Centre) อาคารสำนักงานเกรดเอ ระดับลักชัวรี่ที่สูงที่สุดในประเทศไทย บนสุดยอดทำเลใจกลางย่านธุรกิจติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเพลินจิต ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้บริษัทมีรายได้ประจำ และ กระแสเงินสดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ทางโครงการได้รับผลตอบรับที่ดีมากแม้ยังไม่ได้เปิดทำการเต็มรูปแบบก็ตาม ปัจจุบันมีอัตราการเช่าแล้วกว่า 50% และมีบริษัทชั้นนำมากมายเข้าเซ็นสัญญาแล้ว อาทิ มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย), มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ (ประเทศไทย), มิตซูบิชิ พาวเวอร์ (ประเทศไทย), มารูเบนิ (ประเทศไทย) และอีกหลากหลายองค์กรดังระดับโลก
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในรูปแบบ อัลตร้า ลักชัวรี่ แบรนด์เด็ด เรสซิเดนซ์ (Ultra-Luxury Branded Residence) 2 แห่ง โครงการแรก คือ โรสวูด เรสซิเดนซ์เซส กมลา (Rosewood Residences Kamala) จังหวัดภูเก็ต โดยจะพัฒนาในรูปแบบโครงการวิลล่าสุดหรูส่วนตัวเพียงไม่กี่หลัง มูลค่าโครงการรวมกว่า 7 พันล้านบาท และอีกโครงการในโซนสุขุมวิท เพื่อมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 ในด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ระดับลักชัวรี่ และอัลตร้าลักชัวรี่
สำหรับผลการดำเนินธุรกิจในปี 65 ที่ผ่านมาผลประกอบการโดดเด่น โดยเฉพาะไตรมาสสุดท้ายของปีสามารถพลิกทำกำไรได้จากที่มีผลขาดทุนในปีก่อนหน้า รวมถึงมียอดขายสูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเกือบเท่าตัว ขณะที่ยอดขายทั้งปีขยับสูงขึ้นเกือบ 7% จากปี 64 โดยเฉพาะจากความเชื่อมั่นในแบรนด์และคุณภาพโครงการ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ ทำให้การโอนโครงการเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ไตรมาส 3/65 และมียอดโอนไปแล้วประมาณ 50% ของจำนวนยูนิตพร้อมขาย และคาดว่าจะปิดการขายในปีนี้อย่างแน่นอน
“ในไตรมาส 4 ของปี 65 บริษัทสามารถพลิกกลับมามีกำไร เนื่องจากผลการดำเนินงานที่สะท้อนถึงการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ จากการบริหารจัดการต้นทุนโครงการของ RML ในปัจจุบัน รวมถึงการบริหารต้นทุนทางการเงินที่มีดอกเบี้ยแบบอัตราลอยตัวและอัตราคงที่ในสัดส่วนที่เหมาะสม
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จจากการรีแบรนด์ ภายใต้สโลแกน ‘ลักชัวรี่ รีอิมเมจิ้น (Luxury Reimagined)’ เพื่อยกภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้าถึงง่าย ทันสมัย และขยายกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงทุกเจเนอเรชั่นที่มีกำลังซื้อของตลาดลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ จึงทำให้โครงการได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยทั้งสองโครงการภายใต้การร่วมทุนกับ โตเกียว ทาเทโมโนะ คือ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ มียอดขายแล้วประมาณ 80% และ ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ (Tait Sathorn 12) มียอดขายแล้วประมาณ 90%”
นายกรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 65 บริษัทมีรายได้รวม 2,745 ล้านบาท ส่วนหนึ่งราว 2,393 ล้านบาทมาจากรายได้จากการโอนกรรมสิทธ์ของโครงการ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างไรมอน แลนด์ และ โตเกียว ทาเทโมโนะ
บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ณ วันที่ 31 ธ.ค.65 อยู่ที่ 4,965 ล้านบาท รวมทั้งหมด 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ ซึ่งทยอยโอนกรรมสิทธิ์มาตั้งแต่ไตรมาส 3/65 และโครงการ ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ คอนโดมิเนียมลักชัวรี่ ใจกลางสาทร ซึ่งจะทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 3/66
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 มี.ค. 66)
Tags: RML, กรณ์ ณรงค์เดช, หุ้นไทย, อสังหาริมทรัพย์, ไรมอน แลนด์