หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ตามภูมิภาค จับตาเงินเฟ้อไทย-ถ้อยแถลงเฟด

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ตามตลาดเอเชีย ขณะที่นักลงทุนยังรอปัจจัยใหม่ วันนี้จะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของไทยเดือน ก.พ., การแถลงนโยบายการเงินของประธานเฟดคืนนี้ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.สัปดาห์นี้ ให้แนวรับไว้ที่ 1,600 จุด และแนวต้านระยะสั้น 1,615 จุด โดยมีต้านถัดไปที่ 1,630 จุด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์ เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนยังคงรอปัจจัยใหม่ๆ โดยวันนี้จะมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของไทยเดือนก.พ. และนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงนโยบายการเงินต่อสภาคองเกรสสหรัฐในคืนนี้ ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีประเด็นเปลี่ยนแปลงจากคำแถลงในครั้งก่อนหรือไม่ และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ในสัปดาห์นี้

ให้แนวรับไว้ที่ 1,600 จุด หากปรับตัวลงมาที่โซนนี้มีลุ้นรีบาวด์ทางเทคนิค หลัง SET ปรับตัวลงต่อเนื่อง 8 วันแล้ว และให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 1,615 จุด และต้านถัดไป 1,630 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (3 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,431.44 จุด เพิ่มขึ้น 40.47 จุด หรือ +0.12%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,048.42 จุด เพิ่มขึ้น 2.78 จุด หรือ +0.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,675.74 จุด ลดลง 13.27 จุด หรือ -0.11%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 28,202.59 จุด ลดลง 35.19 จุด หรือ -0.12%, ดัชนีฮั่งเส็งเปิดภาคเช้าที่ระดับ 20,606.83 จุด เพิ่มขึ้น 3.64 จุด หรือ +0.02% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,320.21 จุด ลดลง 1.82 จุด หรือ -0.05%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 มี.ค.) 1,606.88 จุด ลดลง 5.76 จุด (-0.36%) มูลค่าการซื้อขาย 57,813.46 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 832.69 ลบ. เมื่อวันที่ 3 มี.ค.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.(3 มี.ค.) พุ่งขึ้น 1.52 ดอลลาร์ หรือ 1.94% ปิดที่ 79.68 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 มี.ค.) อยู่ที่ 7.53 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.55 ให้กรอบวันนี้ 34.40-34.65 จับตาตัวเลขเงินเฟ้อไทย

– จับตาภาษีขายหุ้นถูกฝังมิดหลังรัฐตีกลับให้คลังทบทวน ล่าสุด รมว.ทรัพยากร “วราวุธ ศิลปอาชา” หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาชูนโยบายยกเลิกภาษีขายหุ้น ชี้ต้องให้ความเป็นธรรม นักลงทุน นักธุรกิจ ประกาศอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจยิ่งมีรายได้มาก ยิ่งจัดเก็บภาษีได้ พร้อมปั้นเกษตรกร ให้มั่งคั่งขยายฐานภาษีดีกว่า นำคาร์บอนเครดิตส่งเสริมเกษตรกร

– จับตาประชุมบอร์ด กกพ. วันที่ 8 มี.ค.นี้ เคาะค่า Ft งวด พ.ค.-ส.ค.66 ส่งสัญญาณข่าวดี หลังต้นทุนต่าง ๆ ปรับตัวลดลง ทำให้ค่าไฟเฉลี่ยภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม มีโอกาสลดต่ำกว่า 5 บาทต่อหน่วย และยังมีลุ้นเหลืออัตราเดียวเท่ากับบ้านที่อยู่อาศัย 4.72 บาทต่อหน่วย แต่ภาระหนี้ กฟผ. ยังสูง ต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง “สุพัฒนพงษ์” นัด กบน.ประชุมสัปดาห์นี้ เกาะติดดีเซลตลาดโลก ก่อนพิจารณาจะลดลงหรือคงเดิมที่ 34 บาทต่อลิตร

– ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่าจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่าในปี 65 ประเทศไทยมีเงินรับฝากของธนาคารพาณิชย์ทั้งสิ้น 16.89 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้น 4.3% เทียบกับปีก่อน หนึ่งในสาเหตุมาจากคนส่วนใหญ่ในประเทศมีสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับตัวสูงขึ้นของดอกเบี้ยเงินฝาก

– บล.เอเซียพลัส ปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปี 66 ลงจาก 1.27 ล้านล้านบาท เหลือ 1.12 ล้านล้านบาท และปรับเป้าหมายดัชนีอยู่ที่ 1,610 จุด จากพบว่าเศรษฐกิจไทยยังเติบโตช้ากว่าที่คาด เห็นได้จากจีดีพีไตรมาส 4 ปี 65 ขยายตัวเพียง 1.4% ถือว่าน้อยหากเทียบเพื่อนบ้าน อีกทั้งกำไรไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ถึง 40% ลดลงจากหุ้น 13 กลุ่ม อาทิ ปิโตรเคมี เหล็กและผลิตภัณฑ์โลหะ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค

*หุ้นเด่นวันนี้

– AMATA (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 28 บาท ผู้บริหารมองบวกเพิ่มเป้ายอดขายที่ดินปีนี้อีก 50% จาก 1,500 เป็น 2,250 ไร่ คาดหวังดีมานด์เร่งตัวขึ้นจากกลุ่มธุรกิจ EV Car, Renewable Energy และ Logistic

– HTC (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 37.25 บาท ประเมินภาพปี 66 จะฟื้นตัวได้ดีโดยในฝั่งรายได้มีแรงหนุนจาก Covid-19 คลี่คลาย การกลับมาของนักท่องเที่ยว การปรับราคาสินค้าขึ้น และ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ(ต.ค.65) นอกจากนี้บ.จะมีการเพิ่มกำลังการผลิตอีก 50%(คาดเริ่ม H1/66) ฝั่งมาร์จิ้นคาดดีขึ้นจากต้นทุนผ่อนคลาย ทั้งเชื้อเพลิง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ตลาดคาด EPS ปี 66 และ 67 ฟื้นต่อเนื่องจากปี 65 ที่ 2.16 บาท/หุ้น มาที่ 2.71 บาท/หุ้น และ 2.88 บาท/หุ้น ตามลำดับ

– KLINIQ (กสิกรไทย) “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 44.5 บาท) ราคาหุ้นยังไม่แพง ซื้อขายด้วย PER ปี 66 ที่ 34.8x และจะลดลงเหลือ 26.2 เท่าในปี 67 คาดกำไรยังเติบโตเด่นในปี 66-67 ที่ 240 ล้านบาท + 17%YoY และ 319 ล้านบาท + 33%YoY

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 มี.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top