ประเทศต่าง ๆ เกือบ 200 ชาติได้ลงนามเมื่อคืนวันเสาร์ (5 มี.ค.) ในสนธิสัญญาทะเลหลวง (High Seas Treaty) ที่จะปกป้องสิ่งมีชีวิตในทะเลในน่านน้ำสากล หลังจากที่มีการเจรจากันนาน 2 สัปดาห์ที่สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ (UN) ในนิวยอร์กซิตี
สนธิสัญญาทะเลหลวงจะจัดหาเครื่องมือและวิธีการให้แก่ประชาคมโลกเพื่อสร้างพื้นที่คุ้มครองในมหาสมุทร และดำเนินการประเมินสิ่งต่าง ๆ เช่น ความเสียหายของกิจกรรมเชิงพาณิชย์ที่มีต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล เช่น การทำเหมืองในทะเลลึก
รัฐบาลของแต่ละประเทศซึ่งลงนามในสนธิสัญญาดังกล่าวจะต้องให้สัตยาบันกับข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
“ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่ประเทศต่าง ๆ ได้เห็นชอบกับสนธิสัญญาที่มีผลผูกพันทางกฎหมายของสหประชาชาติ เพื่อรับประกันการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนของความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลในพื้นที่ที่อยู่นอกเขตอำนาจศาลของแต่ละประเทศ นี่เป็นก้าวสำคัญในการปกป้องมหาสมุทรของเรา”
นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติระบุในแถลงการณ์
ด้านโฆษกของนายกูเตอร์เรสนั้นได้ยกย่องสนธิสัญญานี้ว่าเป็น “ความก้าวหน้า” และระบุในแถลงการณ์ว่า การลงนามในสนธิสัญญา “ถือเป็นจุดสูงสุดของการทำงานมานานเกือบสองทศวรรษ” หลังจากที่ UN หารือเกี่ยวกับการปกป้องมหาสมุทรเป็นครั้งแรกในปี 2547
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 มี.ค. 66)
Tags: สนธิสัญญาทะเลหลวง