นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เมื่อพูดถึงโอกาสสำคัญที่สุดไม่หนีเรื่องเงินทุน ใครเข้าถึงแหล่งเงินก็ไปได้ ใครเข้าไม่ถึงก็ไม่มีโอกาสทำมาหากิน คนรวยได้เปรียบ เพราะกู้ได้ถูก (หรือไม่ต้องกู้เลย) ส่วนคนจนต้องกู้แพง และยิ่งใครต้องกู้นอกระบบยิ่งไปกันใหญ่
หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้วพรรคเรา นำโดยนายนที ศิริธรรมวัฒน์ ว่าที่ผู้สมัครสส.กทม.พญาไท ทำโครงการ “กล้าปลดหนี้” เพื่อช่วยให้ผู้ที่เป็นหนี้นอกระบบกลับมากู้ในสถาบันการเงินได้ คนเวลาได้ยินคำว่ากู้ มักคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะจะเป็นการสร้างหนี้ แต่จริง ๆ แล้ว แทบทุกธุรกิจต่างต้องการเงินทุนเพื่อเริ่มต้นด้วยกันทั้งนั้น และในบางครั้งประสบปัญหา เช่น ในสถานการณ์ช่วงโควิด ที่ขาดรายได้ ทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก แต่ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตธุรกิจจะกลับมาไม่ได้
“โครงการ “กล้าปลดหนี้” ที่เราทำ เป็นการประสานชาวบ้านกับสถาบันการเงิน เพื่อให้สามารถกู้เงินมาหมุนธุรกิจให้ไปต่อ อย่างคุณเปิ้ลเจ้าของร้านหมูกะทะ แต่เชื่อหรือไม่ ไม่เคยกู้จากแบงก์ได้ จึงต้องพึ่งนายทุนนอกระบบ ดอกเบี้ยเดือนละ 20% แต่รอดได้ด้วยเงินกู้ที่เราช่วยประสานให้ กู้ปีละ 33% หรือเดือนละ 2% กว่าเท่านั้น ทำให้วันนี้ธุรกิจอยู่รอด ลูกค้าเริ่มกลับมาเต็มร้าน สามารถฟื้นตัวได้ ล่าสุดซื้อรถกระบะและกำลังจะขยายสาขาสองอีกด้วย”
นายกรณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายกรณ์ ระบุว่า แต่ก็มีอีกหลายคนที่กู้ไม่ได้ เพราะติดแบล็กลิสต์ ทำให้ธุรกิจเขาต้องล้มหายไป นั่นจึงเป็นที่มาของนโยบาย “ยกเลิกแบล็กลิสต์ เปลี่ยนมาใช้ระบบเครดิตสกอร์” แทน เพราะระบบจะดีกว่ามาก ใช้คะแนนดี (การจ่ายค่าน้ำไฟ , มือถือ หรือต้นทุนค้าขาย) มารวมคิดเพื่อปล่อยกู้ ไม่ใช่คิดแต่ประวัติเสีย ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพราะโควิด และไม่เป็นการผลักให้คนไปกู้นอกระบบซึ่งดอกโหดมาก กู้มาแล้วยากที่จะคืนเงินต้นได้ ทำให้ธุรกิจเสี่ยงต่อการล้มอีก ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีอย่างคุณเปิ้ลได้
เราต้องการระบบสินเชื่อที่เป็นธรรม เพื่อช่วยให้คนที่พลาดพลั้งอย่างไม่ตั้งใจ กลับมาสู่ระบบให้ได้ เราไม่ได้ส่งเสริมให้ทุกคนเป็น “หนี้” แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีต้นทุนในชีวิตที่ดี เราต้องสร้างสังคมที่สร้างโอกาสให้ทุกคนได้ลืมตาอ้าปากต้องช่วยกันหาเงินเข้ากระเป๋าคนตัวเล็กๆ ผลักดันให้เศรษฐกิจไทยโตไปอย่างยั่งยืน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 มี.ค. 66)
Tags: กรณ์ จาติกวณิช, พรรคชาติพัฒนากล้า, เลือกตั้ง