นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) กล่าวว่า บริษัทวางเป้าหมายระยะ 5 ปีข้างหน้าจะชิงส่วนแบ่งตลาดธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน (Retail Oil Market Share) ให้เพิ่มขึ้นเป็น 25% จากการเดินหน้าขยายสาขาสถานีบริการน้ำมันเพิ่มเป็น 2,406 สาขาในปี 70 จากสิ้นปีนี้ 2,206 สาขา และเพิ่มจำนวนสมาชิก Max Card ให้เป็นกว่า 30 ล้านรายครอบคลุมคนไทยทั่วประเทศ และขยายสาขากาแฟพันธุ์ไทยให้เป็นกว่า 5,000 สาขา
“เราพร้อมพัฒนาและมุ่งหาธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศของ PTG สร้างประสบการณ์ O2O ที่ไร้รอยต่อ รวมถึงการใช้ Data เพื่อให้เกิด End-to-End Personalization ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค”นายพิทักษ์ กล่าว
PTG จะยกระดับสถานีบริการน้ำมัน PT ใน 3 มิติ ได้แก่ 1. Expansion and Renovation โดยเดินหน้าขยายสาขาทั้งหมดปีนี้สู่ 2,206 สาขา 2. Service Innovation โดยการยกระดับการให้บริการ บริษัทจัดตั้ง PT Service Master ขึ้นมาเพื่อให้คำแนะนำลูกค้า อีกทั้งยังมี Max Camp ให้ลูกค้าได้เข้าพักผ่อนระหว่างเดินทาง ให้บริการฟรีสำหรับสมาชิก Max Card และ 3. Data Optimization โดยการรวบรวมความต้องการของกลุ่มลูกค้าต่าง ๆ ผ่านทางฐานสมาชิก Max Card, Max Card Plus, Max Me และ Max Enterprise Connect เพื่อนำเสนอ Data-Driven Offerings and Promotions ให้ตรงใจ และตรงความต้องการลูกค้ามากที่สุด
สำหรับแผนงานในปี 66 บริษัทตั้งเป้ากำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโต 8-12% จากปีก่อนที่อยู่ในระดับสูงกว่า 5,000 ล้านบาท เป็นไปตามสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil ที่เพิ่มขึ้น หรือมาที่ 20-30% จากปีก่อน 18.5% และธุรกิจค้าปลีกน้ำมันคาดปริมาณการจำหน่ายน้ำมันจะเติบโต 8-12% จากปีก่อนทำได้ 5,316 ล้านลิตร และปริมาณการขายก๊าซ LPG เติบโต 40-60% ตามดีมานด์ที่ฟื้นตัวหลังจีนเปิดประเทศเร็วกว่ากำหนด ขณะที่ค่าการตลาดก็ปรับตัวดีขึ้น
ด้านธุรกิจ Non-Oil คาดว่ายอดขายจะเติบโตพุ่งถึง 80-90% ตามการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทวางงบลงทุนรวมไว้ที่ 5,000-6,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ขยายธุรกิจ Non-Oil ราว 2,000-2,500 บาท เพื่อรองรับการขยายสาขาร้านกาแฟพันธ์ไทย และ คอฟฟี่ เวิลด์ เพิ่มเป็น 1,523 สาขา, ร้านสะดวกซื้อ Max Mart เพิ่มเป็น 369 สาขา, ร้านจำหน่ายก๊าซ LPG บรรจุถัง (Gas Shop) เพิ่มเป็น 323 สาขา, สถานีอัดบรรจุไฟฟ้า (EV Charging) เพิ่มเป็น 65 จุดชาร์จ เป็นต้น
ขณะที่ตั้งงบลงทุนเพื่อใช้ในธุรกิจใหม่ ราว 1,500-2,000 ล้านบาท รองรับการขยายแพลตฟอร์ม และธุรกิจพลังงานทดแทน โดยมีแผนขยายโซลาร์รูฟท็อป เพิ่มเป็น 6 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีอยู่ 1.8 เมกะวัตต์ เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าขณะที่ธุรกิจน้ำมันจะใช้เงินลงทุนราว 1,000-1,500 ล้านบาท ขยายสถานีบริการฯ สู่ 2,206 สาขา
ณ สิ้นปี 65 บริษัทจะมีจำนวนสถานีบริการน้ำมัน PT อยู่ที่ 2,149 สถานี แบ่งเป็น สถานีบริการฯ ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ (COCO) จำนวน 1,809 สถานี และสถานีบริการฯ ที่เป็นของผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิจากบริษัทฯ (DODO) จำนวน 340 สถานี
ส่วนจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil สิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1,526 สาขา แบ่งเป็น ร้านกาแฟพันธุ์ไทย จำนวน 511 สาขา, ธุรกิจ LPG แบ่งเป็น สถานีบริการ Auto LPG จำนวน 231 สถานีบริการ และร้านจำหน่ายก๊าซ LPG บรรจุถัง (Gas Shop) จำนวน 253 สาขา, ร้านสะดวกซื้อ Max Mart จำนวน 309 สาขา, ร้านคอฟฟี่ เวิลด์ จำนวน 26 สาขา, ศูนย์บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ Autobacs จำนวน 45 สาขา, ศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมัน Maxnitron Lube Change จำนวน 52 สาขา, จุดพักรถ Max Camp จำนวน 64 จุด, สถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging) จำนวน 35 จุดชาร์จ
นายพิทักษ์ กล่าวถึงแผนการนำบริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ว่า ธุรกิจปาล์มคอมเพล็กซ์ภายใต้ บมจ.พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ (PPPGC) อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในปี 66 อย่างแน่นอน และเตรียมยื่นไฟลิ่งธุรกิจจำหน่ายก๊าซ LPG ภายใต้ บริษัท แอตลาส เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ในไตรมาส 2/66 ส่วนธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย คาดว่าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ภายในปี 68 ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนราว 1 พันล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 มี.ค. 66)
Tags: PTG, ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน, พิทักษ์ รัชกิจประการ, พีทีจี เอ็นเนอยี, หุ้นไทย