นักวิเคราะหฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ หลังเริ่มเห็นสัญญาณค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่า ชะลอ Fund Flow ไหลออก แต่ยังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ อีกทั้ง Bond Yield สหรัฐ 10 ปี ยังพุ่งขึ้นกลับไปที่ 4% อีกครั้ง กดดันตลาดหุ้น ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดมาเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน พร้อมให้แนวรับที่ 1,610 จุด แนวต้าน 1,630 จุด
นายชาญชัย พันทาธนากิจ รองผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าดัชนีแกว่งตัวไซด์เวย์ หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณค่าเงินบาทที่พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ช่วยชะลอการไหลออกของ Fund flow ต่างชาติได้ แต่ยังคงไร้ปัจจัยใหม่ที่จะเข้าช่วยหนุนการฟื้นตัวของดัชนีได้อย่างชัดเจน
ขณะเดียวกันยังคงมีปัจจัยกดดันจากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (Bond Yield) 10 ปี พุ่งขึ้นไปที่ระดับ 4% อีกครั้ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้น ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้าวันนี้เปิดมาเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน
โดยให้แนวรับที่ 1,610 จุด แนวต้าน 1,630 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (1 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,661.84 จุด เพิ่มขึ้น 5.14 จุด หรือ +0.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,951.39 จุด ลดลง 18.76 จุด หรือ -0.47% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,379.48 จุด ลดลง 76.06 จุด หรือ -0.66%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 27,564.82 จุด เพิ่มขึ้น 48.29 จุด หรือ +0.18%, ดัชนีฮั่งเส็งเปิดภาคเช้าที่ระดับ 20,390.02 จุด ลดลง 229.69 จุด หรือ -1.11% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,308.01 จุด ลดลง 4.34 จุด หรือ -0.13%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 มี.ค.) 1,619.98 จุด ลดลง 2.37 จุด (+0.15%) มูลค่าซื้อขายราว 59,129.23 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 3,042.32 ลบ. เมื่อวันที่ 1 มี.ค.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.(1 มี.ค.) เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 77.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 มี.ค.) อยู่ที่ 7.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.69 แข็งค่าตามค่าเงินหยวน หลังตัวเลขศก.จีนออกมาดี จับตาทิศทาง Flow
- กกร.ได้ปรับคาดการณ์การส่งออกของไทยในปี 66 มีโอกาสติดลบในกรอบ ติดลบ 1 ถึงไม่ขยายตัวเลย จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวได้ 1-2% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะคู่ค้าหลักชะลอตัวแต่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะได้รับอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวโดยคาดว่าตัวเลขการท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยน่าจะอยู่ระดับ 25-30 ล้านคน ดังนั้นจึงยังคง ประมาณการจีดีพีขยายตัวที่ 3-3.5% อัตราเงินเฟ้อทั่วไป 2.7-3.2% ตามกรอบเดิม
- บอร์ดอีอีซีไม่อนุมัติการแก้ไขสัญญารถไฟไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบิน ตามที่กลุ่มซีพีร้องขอเลขาฯ ครม.ชี้การแก้สัญญาอาจต้องรอรัฐบาลใหม่มา เพราะหากมีการยุบสภารัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจทำได้
- “สุพัฒนพงษ์” หวังนวัตกรรมดึงยอดขอลงทุนกลับมาที่ 1 ล้านล้าน ระบุไทยมีโอกาสเดินหน้าตามนโยบายเน็ตซีโร่ ปตท.ปรับสัดส่วนรายได้ 30% จากธุรกิจ ลดคาร์บอน ภายในปี 2573 พร้อมโชว์ศักยภาพ “เทคโนโลยี-คน-ทุน” ลุยนวัตกรรมสร้างธุรกิจใหม่ “วราวุธ” มั่นใจไทยเร่งลดปล่อยคาร์บอนได้ตามแผน
*หุ้นเด่นวันนี้
- BEM (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 11.0 บาท 1.)คาดกำไรปกติปี 66 จะเติบโต 22% YoY จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จำนวน นทท.ขาเข้าที่เพิ่มขึ้น และ feeder จากรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง 2.)Sentiment บวกต่อราคาหุ้นระยะสั้น หลังจากเมื่อวานศาลปกครองสูงสุดยกฟ้องปม รฟม.เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ยันชอบด้วยกฎหมายภาพดังกล่าวส่งผลให้มีโอกาสสายสีส้มจะสามารถเข้า ครม.มองเป็นบวกต่อ BEM
- AMATA (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 27 บาท มีกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 786 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 122%qoq และ 6%yoy และมากกว่าที่เราคาดไว้ 125% แนวโน้มปีนี้ดีต่อเนื่องจากยอดขายที่ดินเพิ่มขึ้น(จีน & EV) และธุรกิจไฟฟ้ากลับมาฟื้นตัว
- SHR (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” เป้าหมาย Bloomberg Consensus 5.80 บาท กำไร Q4/65 อยู่ที่ 108 ลบ. (พลิกกำไรจากขาดทุนใน Q4/64 ที่ 70 ลบ., -48% QoQ) ภาพ QoQ หดตัวจาก Low Season ใน UK แต่ YoY ได้แรงหนุนจากพอร์ตโรงแรมในไทย(ซึ่งนักท่องเที่ยวกลับมาใน Q4/65 > 5 ล้านราย) และ โรงแรมในมัลดีฟส์(เข้า High Season) ปี 66 คาดว่าพอร์ตโรงแรมยังคงจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง REVPAR มีโอกาสสูงกว่า PreCovid จากการปรับราคาห้องสูงขึ้นใน UK และปัจจัยบวกจากนโยบายกระตุ้นท่องเที่ยวในไทยและมัลดีฟส์ นอกจากนี้ ยังพัฒนารีสอร์ทแห่ง 3 โครงการ CROSSROADS (คาดเปิดในปี 66) โดย SO/ Maldives ทั้งนี้ตลาดคาดปี 66 และ 67 กำไรสุทธิฟื้นต่อเนื่องมาที่ 421 ลบ. (+2,826%YoY) และ 646 ลบ.(+53%YoY) ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 มี.ค. 66)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย