นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 65บริษัทมีกิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่อยู่อาศัยทุกกลุ่ม (รวมโครงการ JV) อยู่ที่ 18,509 ล้านบาท ทำสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา (All Time High) และเติบโตขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะเดียวกัน มีรายได้จากธุรกิจโรงแรมและอื่นๆ 4,064 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,775 ล้านบาท เติบโตถึง 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 นับเป็นการทำลายสถิติกำไรสุทธิของบริษัท (All Time High) และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ระดับ 24% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
“สถานการณ์เศรษฐกิจปี 65 ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการคลี่คลายของสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้ความมั่นใจและกำลังซื้อของผู้บริโภคฟื้นตัว เมื่อประกอบกับการตอบรับจากผู้บริโภคทั้งโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมคุณภาพของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมาย ส่งผลให้มีการโอนกรรมสิทธิ์โครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง กลุ่มธุรกิจโรงแรมก็มีอัตราการเข้าพักหรือ Occupancy Rate ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนและต่อเนื่องมานับตั้งแต่ประเทศสำคัญต่าง ๆ ทยอยรีโอเพนนิ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทจึงอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ” นายพีระพงศ์ กล่าว
สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยที่มีส่วนสำคัญต่อยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 65 คือ กลุ่มโครงการขนาดใหญ่และเมกะโปรเจกต์ที่ทยอยสร้างเสร็จในปี 65 อาทิ กลุ่มโครงการ ดิ ออริจิ้น (The Origin) เช่น ดิ ออริจิ้น ราม 209 อินเตอร์เชนจ์ (The Origin Ram 209 Interchange) และ ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช (The Origin Onnut) ที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ไตรมาส 1/65 และ 2/65 ตามลำดับ จนปัจจุบันมียอดโอนกรรมสิทธิ์แล้วกว่า 95% และ 80% ของมูลค่าโครงการตามลำดับ กลุ่มโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรีแบรนด์พาร์ค ออริจิ้น เช่น พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (Park Origin Thonglor) พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี (Park Origin Ratchatewi) และ แฮมป์ตัน ศรีราชา (Hampton Sriracha) มูลค่าโครงการรวมทั้ง 3 โครงการ กว่า 16,600 ล้านบาท ที่ทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่กลุ่มบ้านจัดสรรในหลากทำเลใหม่ก็สร้างยอดโอนกรรมสิทธิ์ได้อย่างโดดเด่น อาทิ บริทาเนีย ราชพฤกษ์ นครอินทร์ (Britania Ratchaphruek Nakorn-In)
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับความไว้วางใจในการเข้าร่วมทุนจากพันธมิตรหลากสัญชาติอย่างต่อเนื่องในปี 65 ทั้งในโครงการที่อยู่อาศัย โครงการโรงแรม ศูนย์การค้า ตลอดจนโครงการคลังสินค้า แบ่งเป็นโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมจำนวน 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 24,630 ล้านบาท โครงการโรงแรม ศูนย์การค้า และคลังสินค้า รวม 7 โครงการ มูลค่า REIT ประมาณการณ์รวม 5,520 ล้านบาท ซึ่งในปี 2565 บริษัทมีพันธมิตรใหม่ที่เข้ามาร่วมทุนด้วยถึง 3 บริษัท สะท้อนถึงความมั่นใจของต่างชาติต่อการดำเนินงานของบริษัท
นายพีระพงศ์ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 66 นั้น มีปัจจัยบวกที่เด่นชัดหลายด้านเมื่อเทียบกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งการเปิดประเทศของนานาประเทศสำคัญแบบเต็มปีเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและโรงแรมฟื้นตัว กำลังซื้อคอนโดมิเนียมจากต่างประเทศกลับมาไทย การเติบโตของเมืองกระจายสู่พื้นที่หัวเมืองต่างจังหวัดมากขึ้น บริษัทจึงอยู่ระหว่างการเดินหน้าวางแผนงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้อ คาดว่าจะเปิดเผยแผนการดำเนินงานปี 66 อย่างเป็นทางการได้ภายในช่วงต้น มี.ค. 66
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/66 มีแนวโน้มที่ดีเนื่องจากบริษัทยังมีแบ็คล็อกที่แข็งแกร่งจากสิ้นปี 65 ถึงราว 40,521 ล้านบาท ซึ่งบางส่วนจะทยอยเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 1/66 นี้ ซึ่งรวมถึงโครงการระดับลักชัวรี่อย่าง พาร์ค ออริจิ้น จุฬา-สามย่าน (Park Origin Chula-Samyan) นอกจากนี้ กลุ่มโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทั้ง 2 ทำเลที่เริ่มโอนแล้วเมื่อกลางปี 65 ยังน่าจะมีการทยอยโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้บริษัทเตรียมเสนอพิจารณานำบริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาในวันที่ 27 เ.ม.ย. 66
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 มี.ค. 66)
Tags: ORI, ตลาดหุ้น, ธุรกิจ, ผู้ถือหุ้น, พีระพงศ์ จรูญเอก, หุ้นสามัญเพิ่มทุน, หุ้นไทย, ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้