เลือกตั้ง’66: สันติ ยันนโยบายสวัสดิการพลัส ของพปชร.ทำได้จริง

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ออกนโยบายนโยบายบัตรสวัสดิการพลัส ว่า ยังไม่ได้คำนวณค่าใช้จ่ายว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ โดยสามารถไปคำนวณดูว่ายอดผู้ได้สิทธิ 14.5 ล้านคน รวมกับอีก 5 ล้านกว่าคนที่อุทธรณ์แล้วก็จะผ่านเกณฑ์สักครึ่ง ซึ่งหากรวมแล้วน่าจะอยู่ที่ 16-17 ล้านคน ลองคูณดูปีหนึ่งเป็นเงินแสนล้านจะทำอย่างไร

ส่วนพรรค พปชร.ที่ประกาศเพิ่มเงินสวัสดิการแห่งรัฐเป็น 700 บาทนั้น เราคำนวณไว้แล้วว่าเป็นไปได้ หากพรรคฯ ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เป็นนายกฯ เราจะทำทันที

“ไม่รู้ ต้องไปถามเขา แต่ถ้า 700 แน่นอน” นายสันติ กล่าว

เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวว่า การที่แต่ละพรรคออกนโยบายหาเสียงมาเกทับกัน คงไม่เป็นไร อยู่ที่ประชาชนจะให้ความเชื่อถือกับนโยบายของพรรคไหน ใครคิดอะไรก็คิด แต่ต้องมีความสามารถหาเงินมาด้วย รวมถึงอยู่ที่ความสามารถและเทคนิคของแต่ละพรรคการเมือง

ส่วนที่ รทสช.ออกมาระบุพรรคการเมืองอื่นพูดแต่นโยบาย แต่ไม่พูดที่มาของเงิน นายสันติ กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่เห็นได้ยิน ยืนยันมีความมั่นใจ 100% ว่าทุกนโยบายของ พปชร. มีงบประมาณสามารถทำได้ เพราะกลั่นกรองมาแล้วเรามีความสามารถหางบประมาณมาใช้ในนโยบายนั้นๆ ได้ และตนอยู่กระทรวงการคลังเป็นคนหาเงินอยู่แล้ว

สำหรับนโยบายด้านพลังงานเกี่ยวกับการลดราคาน้ำมันนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าทำได้ทันที แต่ถ้าเป็นนโยบายเมื่อถึงเวลาต้องดำเนินการได้อยู่แล้ว เรื่องนี้นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ แถลงไปแล้ว ก็คงต้องพยายามทำให้ได้ตามที่แถลงไป และยืนยันทุกนโยบายที่หัวหน้าพรรคประกาศออกไป มั่นใจว่าเราสามารถหาเงินมาสนับสนุนให้โครงการเหล่านี้เกิดขึ้นจนได้

รมช.คลัง กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้ถือบัตรโครงการสวัสดิการรายเดิม ที่ผ่านเกณฑ์โครงการรอบใหม่นี้เหลือ 8.76 ล้านราย ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะปัจจุบันมีรายได้มากกว่า 1 แสนบาทต่อปี มีทรัพย์สินมากขึ้น มีฐานะดีขึ้น คนเหล่านี้อาจจะรู้ตัวเองว่าไม่เข้าเกณฑ์ก็เลยไม่ได้มาลงทะเบียน ส่วนกลุ่มที่ยังยากจนอยู่ และไม่ได้เข้าโครงการบัตรสวัสดิการในรอบนี้ รัฐบาลจะมีหน่วยงานแก้จนของมหาดไทยลงไปดูแต่ละครัวเรือนให้มีโอกาสและแข็งแรงขึ้น โดยรัฐบาลมีมาตรการที่จะดูแลกลุ่มนี้ให้แข็งแรง จนสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เพื่อลดความยากจนของกลุ่มเหล่านี้ลงให้ได้

นอกจากนี้ จะมีการตรวจสอบเกณฑ์ของผู้ได้รับสวัสดิการในโครงการลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการของรัฐใหม่ทุกปี โดยผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ก็จะถูกตัดออก และจะเปิดให้ผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ในปีนี้ สามารถมาลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการได้ใหม่ในปีถัดไป

“จะเปิดรับลงทะเบียนใหม่ในทุก ๆ ปีตามรอบเวลา โดยคณะกรรมการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะส่งรายชื่อผู้ที่ได้รับสิทธิ์ 14.5 ล้านรายนี้ให้กับหน่วยงานที่ตรวจสอบกว่า 40 หน่วยงาน เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งหากใครมีรายได้เพิ่มขึ้น หรือไม่เข้าเกณฑ์ก็จะถูกตัดออก และจะเปิดให้ผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิ์ในครั้งนี้มาลงทะเบียนใหม่อีกครั้ง” นายสันติ กล่าว

รมช.คลัง กล่าวอีกว่า ไม่อยากให้หลายฝ่ายต้องกังวลว่างบประมาณที่จะใช้ดำเนินการในส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะรัฐบาลมีความตั้งใจและพยายามที่จะทำให้คนจนมีรายได้เพิ่มขึ้น หากเป็นแรงงานก็จะผลักดันให้เป็นแรงงานชั้นสูง เพื่อให้มีรายได้เพิ่ม ซึ่งมั่นใจว่าในท้ายที่สุดคนจนจะลดลง และไทยจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ส่วนนโยบายพรรคการเมืองที่มีการเสนอเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น มองว่าเป็นเรื่องของความปรารถนาดีของพรรคการเมืองที่จะดูแลกลุ่มเปราะบาง ส่วนพรรคไหนเสนอจะเพิ่มเท่าไร ก็แล้วแต่นโยบาย และขึ้นอยู่กับความสามารถของพรรคการเมืองนั้น ๆ

“แต่ก่อนจะพิสูจน์ความสามารถของพรรคการเมือง จะต้องให้ประชาชนพิสูจน์ก่อน ว่าสามารถมาเป็นรัฐบาลได้ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพื่อให้เอานโยบายที่เคยหาเสียงออกมาดำเนินการให้ได้” นายสันติ กล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ก.พ. 66)

Tags: , ,
Back to Top