นางแคลร์ โอนีล รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของออสเตรเลียเปิดเผยกับสถานีวิทยุเอบีซี (ABC Radio) วันนี้ (27 ก.พ.) ว่า ออสเตรเลียวางแผนจะยกเครื่องกฎระเบียบด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และจัดตั้งหน่วยงานเพื่อดูแลการลงทุนของรัฐบาลในภาคส่วนดังกล่าว และช่วยประสานงานในการตอบสนองต่อการโจมตีของแฮ็กเกอร์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความคิดเห็นดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางการโจมตีทางไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งมีรายงานจากบริษัทอย่างน้อย 8 แห่งที่ถูกแฮ็ก ซึ่งรวมถึง เมดิแบงก์ ไพรเวท จำกัด (Medibank Private Ltd) บริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ และออปตัส (Optus) บริษัทโทรคมนาคมในเครือสิงคโปร์ เทเลคอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด (Singtel)
นางโอนีลกล่าวว่า กฎระเบียบด้านความปลอดภัยไซเบอร์ในปัจจุบันไม่เพียงพอที่จะจัดการกับการโจมตีและไม่สามารถปกป้องข้อมูลของผู้บริโภคได้ พร้อมกล่าวโทษรัฐบาลชุดก่อนหน้าที่นำกฎระเบียบเหล่านี้มาใช้
“กฎระเบียบเหล่านั้นไร้ประโยชน์อย่างยิ่ง ไม่ควรค่าที่จะพิมพ์ลงบนกระดาษด้วยซ้ำเมื่อต้องนำไปใช้รับมือกับเหตุการณ์ทางไซเบอร์จริง กฎระเบียบเหล่านั้นมันไม่เหมาะจะใช้ประโยชน์ในตอนนี้ และดิฉันคิดว่าจำเป็นต้องได้รับการปฏิรูป” นางโอนีลกล่าว
นางโอนีลระบุว่า นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซีจะพบปะกับบรรดาผู้นำอุตสาหกรรมและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในวันนี้ และนายกฯ ได้ตัดสินใจแต่งตั้งผู้ประสานงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลให้หน่วยงานของรัฐบาลทำงานร่วมกันเมื่อต้องรับมือกับเหตุการณ์ทางไซเบอร์ต่าง ๆ
ทั้งนี้ ทางการได้เผยแพร่เอกสารการอภิปรายเกี่ยวกับกลยุทธ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ใหม่ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะนำมาใช้ในปีหน้า และกำลังรวบรวมความคิดเห็นจากธุรกิจต่าง ๆ เพื่อยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์โดยการร่วมมือกับภาครัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.พ. 66)
Tags: กฎระเบียบ, กระทรวงมหาดไทย, ความปลอดภัยทางไซเบอร์, ออสเตรเลีย, แคลร์ โอนีล, แฮกเกอร์