CONSENSUS: TRUE แกร่งปิดดีลรวม DTAC โอกาสพลิกกำไรเร็ว เบ่ง Market Cap โบรกให้เป้า New Co 9.23-10.40

ผลประกอบการในปี 2565 ของบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUEE) หรือ ทรูเดิม ทำนักลงทุนอึ้งกับขาดทุนสุทธิที่สูงถึง 1.8 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปี 64 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 1,428 ล้านบาท หลักๆ มาจากค่าใช้จ่ายในการขยายโครงข่าย และดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น 10.4% รวมถึงการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน

แต่ความเห็นโบรกเกอร์ต่างก็มองว่าบริษัทใหม่ (New Co) หลัง TRUEE ควบรวม บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) จะพลิกกลับมามีผลประกอบการดีขึ้น ขาดทุนลดลงจนถึงประเมินว่าจะเห็นพลิกมาเป็นกำไร จากที่ค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนถูกตัดออกไป และการบริหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

TRUE เดิม ภายใต้ชื่อ TRUEE ชั่วคราวและหยุดช่วงการซื้อขาย (17 ก.พ.-2 มี.ค.66) ซึ่งในวันที่ 22 ก.พ.66 มีการประชุมผู้ถือหุ้นทั้งสองบริษัทร่วมกันและที่ประชุมอนุมัติการควบรวมกิจการทั้ง TRUEE และ DTAC จะสิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคล และบริษัทใหม่จะเข้าซื้อขายแทนในวันที่ 3 มี.ค.66 ในชื่อ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ชื่อย่อ TRUE ราคา 8.51 บาท คำนวณจากมูลค่าตลาด (Market Cap) ของ TRUEE และ DTAC ปิด ณ วันที่ 17 ก.พ.66 รวมกันหารด้วยจำนวนหุ้นบริษัทใหม่

นายพิสุทธิ์ งามวิจิตรวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า งบการเงินในไตรมาส 4/65 ของ TRUEE แย่กว่าที่คาด โดยขาดทุน 1.31 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีรายการพิเศษอยู่มาก ดอกเบี้ยจ่ายยังเพิ่มอยู่เพราะกระแสเงินสดไม่พอจ่ายเป็นงบลงทุนก็ต้องกู้เพิ่ม แต่คาดว่าหลังจากควบรวมกันแล้วงบการเงินในปี 66 ของบริษัทใหม่น่าจะเริ่มเห็นกำไรได้เร็ว ถ้าไมิ่ไตรมาส 1/66 ก็น่าจะเห็นในไตรมาส 2/66

เมื่อควบรวมกับ DTAC แล้วจะมีการปรับมาตรฐานบัญชีให้เท่ากัน ซึ่งในช่วงม.ค.-ก.พ.66 ก็จะมีการปรับมูลค่ายุติธรรมของทรัพย์สินและหนี้สินเพื่อสะท้อนมูลค่าทางเศรษฐกิจของธุรกิจในอนาคตในบริษัทใหม่ โดยหลังปรับแล้วก็มาลุ้นว่าจะมีกำไรหรือขาดทุน โดยสิ่งที่น่าสนใจที่ติดตามบริษัทใหม่จะเห็นงบในเดือนมี.ค.66

โดยในส่วนหนี้สิน TRUEE มีหนี้อยู่ราว 3 แสนล้านบาท ขณะที่ DTAC มีหนี้อยู่ 8 หมื่นล้านบาท

นายพิสุทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวล คือ Culture การทำงานร่วมกัน ซึ่ง TRUEE มาจากกลุ่มซีพี ที่มีวัฒนธรรมแนวตะวันออก ขณะที่ DTAC บริหารที่ยึดหลักการ มีมาตรฐานสูง และมีวัฒนธรรมแนวตะวันตก เป็นความท้าทายที่จะเดินหน้าไปในแนวทางเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดหวังจะเห็นกำไรในบริษัทใหม่และสามารถขึ้นมาแข่งขันได้อย่างสูสีกับรายใหญ่ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ที่มีรายได้ราว 2 แสนล่านบาท กำไร 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ TRUEE และ DTAC รวมกันรายได้ก็ใกล้เคียง 2 แสนล้านบาท แต่กำไรแทบไม่มี ฉะนั้น จุดนี้ตลาดคาดหวังว่าเมื่อรวมกันแล้วโอกาสลดค่าใช้จ่ายทำได้ก็จะเพิ่มกำไรได้ และจะมีการบริหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และกำไรน่าจะเติบโตต่อไปได้

ทั้งนี้ บล.กสิกรไทย ประเมินราคาเป้าหมายของบริษัทใหม่ หรือ TRUE ที่ 10.32 บาท โดยเชื่อว่าการรวมกิจการจะทำให้มีกำไรได้เร็ว และจะได้รับประโยชน์จากการควบรวมกิจการที่จะทำให้องค์กรใหญ่ขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากมีกำไรมากขึ้นโอกาสที่มูลค่าหลักทรัพย์ราคาตลาด (Market Cap) จะสูงขึ้น

ADVANC มีมูลค่าหลักทรัพย์ราคาตลาดที่ 6.2 แสนล้านบาท ขณะที่ DTAC และ TRUE รวมกันมีมูลค่าตลาดราว 3 แสนล้านบาท (DTAC มีมูลค่าตลาด 1.2 แสนล้านบาท TRUE มีมูลค่าตลาด 1.7 แสนล้านบาท)

ด้าน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุว่า TRUEE ขาดทุน 1.31 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 4/65 หากไม่รวมรายการพิเศษ ผลขาดทุนหลักสุทธิในไตรมาส 4/65 จะอยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท (เทียบกับผลขาดทุนหลักที่ 1.3 พันล้านบาทในไตรมาส 4/64 และ 2.6 พันล้านบาทในไตรมาส 3/65) แย่กว่าคาด

แต่รอลุ้นทีมผู้บริหารใหม่ประกาศแผนธุรกิจในประเด็น 1) การสร้างมูลค่า synergy ร่วมกัน และ 2) การประหยัดต้นทุนค่าเสื่อมราคาจากการตัดจาหน่ายสินทรัพย์และการปรับอายุ useful life ของสินทรัพย์ใหม่ ให้ราคาเป้าหมายหลังการรวมกิจการที่ 9.23 บาท/หุ้น สำหรับ TRUE บริษัทใหม่

ทั้งนี้ มูลค่าตามราคาตลาดรวมกันของ TRUE เดิม(ปัจจุบันใช้ชื่อ TRUEE) และ DTAC ในวันซื้อขายวันสุดท้าย (17 ก.พ.66) จะสามารถนามาคำนวณเราคาตลาดของ TRUE ใหม่ได้ที่ 8.51 บาท/หุ้น จะเริ่มซื้อขายในชื่อ TRUE ในวันที่ 3 มี.ค.66

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)ระบุว่า ภาพรวมทั้งปี 65 TRUEE ขาดทุนสุทธิราว 1.8 หมื่นล้านบาท แต่หากตัดรายการพิเศษ TRUEE จะขาดทุนปกติราว 1.0 หมื่นล้านบาทถือว่าสูงมาก แต่มาจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ Amalgamation ซึ่งเป็น one-time และการล้างบ้านเพื่อให้ต้นทุนการดำเนินงานหลายๆอย่าง ไม่กระทบกับบริษัทใหม่ในอนาคต เช่น การตัดจำหน่ายสินทรัพย์ที่ซ้าซ้อนล่วงหน้า หรือการตั้ง impairment ในสินทรัพย์ที่จำเป็น ดังนั้น ในระยะถัดไป NewCo มีโอกาสที่จะมีผลการดำเนินที่ดีขึ้นเพราะไม่มีรายการดังกล่าวมากดดัน

ประเมินมูลค่าเหมาะสมของบริษัทใหม่ (TRUE) ไว้ที่ 10.40 บาทต่อหุ้น มองว่าตลาดจะกลับมาให้น้าหนักกับ Synergy ที่จะเกิดขึ้นใน NewCo ที่ยังไม่ถูกสะท้อนไปในราคาหุ้นอย่างเต็มที่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.พ. 66)

Tags: , , , , , ,
Back to Top