บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า วานนี้ประเด็นความชัดเจนเรื่องการยุบสภา หนุนให้ตลาดหุ้นไทยพลิกจากติดลบกลับมาบวก 0.6% โดดเด่นกว่าประเทศอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่ติดลบ ส่วนหนึ่งเกิดจากการกลับมาเก็งกาไรของนักลงทุน สอดคล้องกับผลการศึกษาผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยช่วงก่อนและหลังวันเลือกตั้งที่ดีที่สุดในปี 2544-2562 พบว่า ดัชนีหุ้นไทยมักให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วง 3 เดือนก่อนการเลือกตั้งเฉลี่ย 3.90%
อย่างไรก็ตามหากมาดู Timeline การยุบสภา ตลาดคาดว่าไม่เกิน 15 มี.ค. 66 นี้ เนื่องจากการจัดการเลือกตั้งต้องอยู่ภายใน 45 วัน ไม่เกิน 60 วันหลังยุบสภา ถือว่าอยู่ในกรอบใกล้เคียงกับวันเลือกตั้งเดิมที่กาหนดไว้ที่ 7 พ.ค. 66 ทาให้การเลือกตั้งไม่ได้เกิดเร็วขึ้นจากช่วงเวลาเดิมที่กาหนดไว้ อีกทั้งช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่มีโอกาสกินระยะเวลาไปถึงเดือน ส.ค. 66 จึงจะแล้วเสร็จ
กระแสยุบสภาจึงถือว่าไม่ได้เป็นประเด็นใหม่ที่เข้ามาหนุนตลาดหุ้นมากนัก อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยทาการคัดกรองหุ้นที่มักปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงที่มีกระแสเลือกตั้งในช่วง 3 เดือนก่อนการเลือกตั้ง 5 อันดับแรก ได้แก่ ไอซีที สื่อและสิ่งพิมพ์ พาณิชย์ อาหารและเครื่องดื่ม เงินทุนและหลักทรัพย์ และหุ้นที่มักปรับตัวขึ้นได้แรง คือ PLANB, STPI, THCOM, BBL, SC, TKS, SIRI, CENTEL, AP, ADVANC, NWR, MINT, MAKRO, STEC, SCC, INTUCH, BEC, CPALL, AMATA
ปัจจจุบันหลายบริษัทถือว่าให้ผลตอบแทน (ytd) Outperform SET มาก อาทิ PLANB +26%ytd, SPTI +20%ytd, THCOM +13%ytd
สรุปกระแสการเลือกตั้งตลาดหุ้นไทยน่าจะตอบรับมาในระดับหนึ่งแล้ว แต่น่าจะยังพอเก็งกาไรได้อีกในช่วงสั้นๆ แนะนาหุ้นธีมเลือกตั้งราคา Laggard ให้ผลตอบแทนต่ากว่าหรือใกล้เคียงตลาด (ytd) น่าเก็งกาไร อย่าง SCC, CPALL, BEC, AMATA, STEC และ MAKRO เป็นต้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.พ. 66)
Tags: บล.เอเซีย พลัส, หุ้นไทย