บมจ. เชฎฐ์ เอเชีย (CHASE) เสนอขายหุ้น IPO จำนวนรวมไม่เกิน 562 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.90 บาท เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) กลุ่มธุรกิจการเงิน หมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ และเข้าซื้อขายวันแรกในวันที่ 21 ก.พ.66
CHASE เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพครบวงจร มีธุรกิจหลัก ได้แก่ (1) บริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากการรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงิน และ (2) ให้บริการติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สิน และมีบริการดำเนินคดีแบบครบวงจร ด้วยทีมบริหารที่แข็งแกร่งมีประสบการณ์และทีมงานติดตามทวงถาม พร้อมทั้งทีมกฎหมายที่ทำหน้าที่ติดตามและบริหารหนี้อย่างครบวงจรรวมกันมากกว่า 400 คน จึงทำให้คุมการบริหารจัดการและต้นทุนได้อย่างเบ็ดเสร็จ ภายใต้กลยุทธ์หลักทางธุรกิจที่ใช้สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
CHASE ก่อตั้งโดยนายประชา ชัยสุวรรณ ในช่วงที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 เห็นโอกาสธุรกิจบริหารจัดการหนี้สินของสถาบันการเงิน จนเมื่อปี 2563 กลุ่มอาร์เอส เข้ามาถือ 35% โดยบริษัท อาร์เอส มอลล์ จำกัด ถือ 19.7% และบริษัท อาร์เอส ลิฟเวลล์ จำกัด ถือ 15.3%
นายประชา ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHASE เปิดเผยกับ”อินโฟเควสท์” ว่า บริษัทเห็นแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (AMC) ที่ยังมีอยู่มากในตลาด โดยหนี้ NPL จากสถาบันการเงินปกติปีละประมาณ 5-6 แสนล้านบาท และยังมีหนี้ NPL ที่รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มากถึง 4 แสนล้านบาทที่เริ่มเห็นในปี 63 และในช่วงปี 65 ก็มีการค้างชำระมากพอสมควร หลังจากที่ก่อนหน้าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มีนโยบายพักชำระหนี้ และปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว ซึ่งมาตรการช่วยเหลือเหล่านี้จะสิ้นสุดในปี 65-66 ดังนั้นก็จะเห็นว่าหนี้เสียก้อนใหญ่ไหลเข้ามาก็เป็นโอกาสของ CHASE ที่จะเข้าไปรับซื้อมาบริหารจัดการหนี้
การเข้าระดมทุนในตลาดบริษัทจะนำไปใช้ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในปี 66-67 ปีละไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท หรือรวมกว่า 2 พันล้านบาท โดยเน้นสินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ไม่มีหลักประกัน (Unsecured Loan) จะทำให้พอร์ตเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพของบริษัทเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2 หมื่นล้านบาทจากเดิมที่มีอยู่ 2.3-2.4 หมื่นล้านบาท รวมแล้วพอร์ตจะขยายเป็น 5 -6 หมื่นล้านบาท ในปี 67
ส่วนในปี 68 บริษัทก็ยังสามารถมีแหล่งเงินทุนจากวงเงินกู้สถาบันการเงินอีก 1,200 -1,250 ล้านบาท ที่พร้อมใช้ในการเข้าซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มเติม และบริษัทยังมีช่องทางระดมทุนหลากหลายหลังจากเข้าตลาดแล้ว
นายประชา เชื่อว่าทิศทางการเติบโตของบริษัทใน 3 ปีข้างหน้า (ปี66-68) จะเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยรายได้เติบโตปีละ 20% ส่วนอัตรากำไรสุทธิ คาดเติบโต 15-20% ทั้งนี้ เป็นไปตามการเติบโตของธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และบริษัทเล็งขยายงานรับจ้างติดตามทวงถามหนี้เพิ่มขึ้นด้วย
*CHASE คือใคร ? (นาทีที่ 1.26 – 2.52)
*CHASE กับข้อได้เปรียบทางธุรกิจ (นาทีที่ 2.53 – 4.52)
*CHASE กับการเติบโตของอุตสาหกรรม (นาทีที่ 4.53– 9.12)
*CHASE กับแผนหลังเข้าตลาดฯ (นาทีที่ 9.13 – 12.25)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.พ. 66)
Tags: Chase, IPO, IPOInsight, ประชา ชัยสุวรรณ, หุ้นไทย, เชฎฐ์ เอเชีย