บมจ.บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป (BVG) เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 157.50 ล้านหุ้น เคาะราคาที่หุ้นละ 3.85 บาท และแต่งตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 17 ก.พ.นี้
BVG ประกอบธุรกิจให้บริการระบบแพลตฟอร์มบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับประกันภัยรถยนต์ โดยเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและให้บริการระบบบริหารจัดการสำหรับธุรกิจประกันวินาศภัยและธุรกิจที่เกี่ยวข้องด้วยการใช้ฐานข้อมูล (Big Data) มาพัฒนาการให้บริการตลอดห่วงโซ่ด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี เพื่อให้บริการระบบแพลตฟอร์มกลางในการจัดการธุรกิจให้แก่อุตสาหกรรมประกันภัย ช่วยยกระดับมาตรฐานกระบวนการทำงานของธุรกิจประกันภัยรถยนต์ และธุรกิจประกันสุขภาพ และถือเป็นบริษัทด้าน Insure Tech เต็มรูปแบบ
นางนวรัตน์ วงศ์ฐิติรัตน์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BVG เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า ระบบการบริหารจัดการของบริษัทที่ให้บริการแก่ลูกค้าหลัก คือ ระบบที่เกี่ยวเนื่องกับการประกันภัยรถยนต์ (EMCS) ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลและประมวลผล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าสินไหมทดแทนรถยนต์ตลอดการดำเนินธุรกิจประกัน และยังมีบริการแพลตฟอร์มสำหรับบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลและสินไหมทดแทน รวมถึงการให้คำปรึกษาแนะนำที่เกี่ยวข้อง (TPA) ที่ขยายฐานลูกค้ามายังกลุ่มประกันสุขภาพ
การระดมทุนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) บริษัทมีวัตถุประสงค์ให้การใช้เงินระดมทุน 3 ส่วน ได้แก่
1) พัฒนาระบบ AI เพื่ออัพเดทเทคโนโลยีที่ให้บริการของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น
2) รองรับการขยายธุรกิจของบริษัทไปยังประเทศอาเซียน
3) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
นอกจากการพัฒนาระบบที่เกี่ยวเนื่องกับ AI ให้มีศักยภาพมากขึ้น บริษัทยังมีโครงการในการพัฒนาระบบ AI หลายโครงการ เช่น ระบบ AI Reviews ที่มาเสริมความสามารถในการอนุมัติซ่อมให้สะดวกรวดเร็ว ควบคุมต้นทุนการซ่อม และทราบราคาได้ ซึ่งเริ่มให้บริการและมีรายได้จากการให้บริการมาตั้งแต่ปี 65
พร้อมกับมีการต่อยอดแหล่งรายได้ในอนาคตที่มาจากระบบ AI Estimate ทำให้การแจ้งอุบัติเหตุรวดเร็วยิ่งขึ้น เมื่อเกิดรถชน สามารถถ่ายรูปผ่านมือถือ และ AI จะทำงานและคำนวณจากรูปภาพ และลิสต์ความเสียหายออกมาโดยอัตโนมัติ และช่วยบริษัทประกันภัยในการคำนวณการตั้งสำรองฯประกันภัย รวมถึงการออกใบเคลมอัตโนมัติ และต่อยอดไปถึงอู่ซ่อม ทำให้อู่ซ่อมไม่ต้องประเมินราคาใหม่เลย และพิจารณาได้ว่าจะดำเนินการซ่อมหรือไม่
และระบบ AI Inspection ที่เข้ามาช่วยตรวจสภาพรถก่อนรับประกัน จากภาพถ่ายรถ และสามารถนำมาขยายไปถึงการประเมินเกี่ยวกับด้านสุขภาพด้วยเช่นกัน
แผนการขยายบริการไปยังอาเซียน ซึ่งถือเป็นภูมิภาคที่ธุรกิจประกันเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความต้องการพัฒนาระบบบริการลูกค้าแต่ละรายให้ดียิ่งขึ้น ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสนำบริการเข้าไปขยายในประเทศเพื่อนบ้าน และสามารถใช้ฐานลูกค้าที่มีอยู่แล้วของบริษัทแม่ คือ บมจ.รับประกันภัยต่อ (THRE)
ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาสัญญาร่วมทุนเพื่อให้บริการ TPA ในกัมพูชา และอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายเข้าไปในประเทศอื่นๆ เช่น ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เป็นต้น โดยจะนำบริการของทั้งกลุ่มไปให้บริการให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าในประเทศนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบประกันภัยรถยนต์ EMCS ระบบประกันสุขภาพ TPA และบริการนักคณิตศาสตร์ประกันภัย เป็นต้น
“BVG เราเป็น Insure Tech ที่มีความเชี่ยวชาญด้านประกันภัยรถยนต์และประกันสุขภาพ และได้รับความเชี่ยวชาญจากลูกค้าในวงการประกันภัยให้เป็น Backbone ของ Industry เรามุ่งมั่นขยายบริการให้ก้าวหน้า ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และเพิ่มศักยภาพในการให้บริการกับธุรกิจประกันภัยและคู่ค้า และขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคอาเซียน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้กับ BVG” นางนวรัตน์ กล่าว
- BVG คือใคร ? (นาทีที่ 0.32 – 4.35)
- BVG กับข้อได้เปรียบทางธุรกิจ (นาทีที่ 4.36 – 6.54)
- BVG กับการเติบโตของอุตสาหกรรม (นาทีที่ 6.55 – 7.22)
- BVG กับแผนหลังเข้าตลาดฯ (นาทีที่ 7.23 – 11.45)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.พ. 66)
Tags: BVG, IPOInsight, นวรัตน์ วงศ์ฐิติรัตน์, บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป, หุ้นไทย