นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในงวดปี 65 ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,746 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 25% มีรายได้รวม 4,410 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 22% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 67% และอัตรากำไรสุทธิ 36% ทั้งนี้ หากไม่รวมค่าใช้จ่ายครั้งเดียวที่เกิดขึ้น เช่น ค่าเคลมประกันโควิด บริษัทจะมีการเติบโตของกำไรสุทธิกว่า 32%
ทั้งนี้ ในปี 65 ภาพรวมธุรกิจติดตามหนี้และธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ สามารถบริหารจัดการ และการจัดเก็บที่โดดเด่น โดยมียอดจัดเก็บหนี้ (Cash Collection) ซึ่งรวมกลุ่มของ JK AMC ด้วย ทำได้ดีอยู่ที่ 6,345 ล้านบาท เติบโต 38%
สำหรับงบลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ณ สิ้นปี 2565 ใช้ไปแล้วรวม 5,548 ล้านบาท โดยในไตรมาส 4/2565 ที่ผ่านมาซื้อหนี้เพิ่มได้อีก สะท้อนสัญญาณการเข้าสู่ไฮซีซั่นของธุรกิจ สถาบันการเงินต่างๆ ทยอยขายหนี้ด้อยคุณภาพออกมาในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะโค้งสุดท้ายของปี แย้มปี 2566 ดีลใหม่ๆ ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
และอีกความสำเร็จที่เข้ามาเพิ่มฐานกำไร JMT ให้แข็งแกร่งขึ้น โดยบริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด (JK AMC) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มธุรกิจ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เริ่มเดินหน้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารแล้วในปี 2565 มากกว่า 70,000 ล้านบาท มากกว่าแผนดำเนินงานที่เคยให้ไว้ สนับสนุนปัจจุบัน JMT มีพอร์ตบริหารหนี้ด้อยคุณภาพรวมอยู่ที่ 331,410 ล้านบาท จึงมั่นใจ ภาพการเติบโตของ JK AMC จะชัดเจนยิ่งขึ้นในปี 66
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.พ. 66)
Tags: JMT, สุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์, หุ้นไทย, เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส