นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีต รมช.แรงงาน โพสต์ขอความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวสะท้อนมุมมองเกี่ยวกับการแก้ปัญหาความยากจน โดยเริ่มต้นจากผู้มีรายได้น้อยส่วนใหญ่คือ เกษตรกร ที่จำเป็นต้องแก้ไขและจัดการเรื่องที่ทำกิน พร้อมกับการพัฒนาสภาพที่ดินและแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร
นอกจากเรื่องดินและน้ำแล้ว ปัจจัยพื้นฐานที่จะนำไปสู่การสร้างอาชีพและรายได้คือ การจัดสรรสวัสดิการแบบถูกฝาถูกตัว ยังเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขจัดความยากจน สวัสดิการในการเข้าถึงสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานด้านต่างๆ เช่น เครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น การศึกษาและการฝึกอาชีพ หลักประกันทางสุขภาพ เป็นต้น
“การเข้าถึงสวัสดิการเหล่านี้ไม่ควรจัดสรรแบบหว่านแห แต่ควรจัดเมนูเฉพาะที่ตรงกับสิ่งที่ผู้มีรายได้น้อยยังเข้าไม่ถึง และตรงกับพื้นฐานของผู้มีรายได้น้อยและความต้องการของตลาดแรงงาน” นางนฤมล ระบุ
ส่วนคนจนในเมืองที่มีรายได้เกิน 1 แสนบาทต่อปี ไม่เข้าข่ายผู้ที่มีสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแต่ต้องแบกค่าครองชีพ ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าเดินทาง ค่าเช่าที่พัก จนรายได้ที่เหลือไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพอย่างมีคุณภาพ รัฐบาลจึงควรจัดสรรสวัสดิการให้กับกลุ่มคนจนในเมือง เช่น สวัสดิการค่าเดินทาง เพื่อป้องกันปัญหาการขยายตัวของกลุ่มคนจนในเมือง
“เราต้องเลิกแนวคิดแก้จนแบบบนลงล่าง การนั่งดูข้อมูลภาพรวมทั้งประเทศแล้วตัดสินใจออกแบบนโยบายแก้จนกันในห้องแอร์แบบหว่านแหจะไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืน” นางนฤมล ระบุ
การแก้ความยากจนไม่ใช่แค่เรื่องการจัดสรรสวัสดิการเท่านั้น แต่ต้องแก้กันด้วยเมนูแก้จนที่ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลแบบแยกรายกลุ่ม เช่น กลุ่มเกษตรกร กลุ่มแรงงานในระบบ กลุ่มแรงงานนอกระบบ กลุ่มผู้พิการ เป็นต้น แยกรายพื้นที่ แยกรายภาค และแยกย่อยลงหัวเมือง ชนบท แหล่งอุตสาหกรรม แหล่งทำการเกษตร จนถึงระดับแยกชุมชน และแยกรายครัวเรือน ที่สำคัญสุด การแก้จนจะสามารถทำสำเร็จได้ต้องให้คนจนและชุมชนมีส่วนร่วมออกแบบเมนูที่จะทำให้พ้นจากความยากจน
กลไกที่จะเข้าไปช่วยขับเคลื่อนการแก้จนได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่หน่วยราชการ แต่ควรเป็นธุรกิจเพื่อสังคมระดับชุมชน แก้จนอย่างสัมฤทธิ์ผล ต้องแก้จากล่างขึ้นบนเป็นสำคัญ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.พ. 66)
Tags: กองทุน, นฤมล ภิญโญสินวัฒน์, ปัญหาความยากจน