สรรพากร ตรวจเข้มขอคืนภาษี หลังเจอทุจริตอื้อ หากเกิน 7 วันเข้าเกณฑ์เสี่ยง

กรมสรรพากร ลุยตรวจเข้มการขอคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาโดยจะมีการเพิ่มเกณฑ์ในการตรวจสอบเอกสารในการขอคืนภาษี สำหรับกลุ่มที่มีสัญญาณความเสี่ยง เนื่องจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตในการยื่นขอคืนภาษีจำนวนหนึ่ง

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ปีนี้มีการเพิ่มเกณฑ์สำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการขอคืนภาษีเข้าไป เพราะก่อนหน้านี้มีการตรวจเจอและจับได้แล้วว่า มีการทุจริตในการยื่นขอคืนภาษี เนื่องจากที่ผ่านมามีกระบวนการในการยื่นและคืนภาษีค่อนข้างเร็ว ทำให้มีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้น

สำหรับในปีนี้หากผู้ที่ยื่นขอคืนภาษีแล้ว 7 วันยังไม่ได้คืนภาษี แปลว่าอาจจะมีสัญญาณอะไรในตัวผู้ยื่น จากปกติที่ยื่นภาษีแล้วจะได้คืนภาษีภายใน 3 วัน โดยปัจจุบันมีผู้อยู่ในฐานภาษี 11 ล้านราย เป็นผู้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้ 4 ล้านราย โดยในจำนวนนี้กว่า 90% เป็นการยื่นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์

นอกจากนี้ กรมสรรพากรอยู่ระหว่างเตรียมแก้หลักเกณฑ์ เพื่อเปิดทางให้สถาบันการเงินและสตาร์ทอัพซอฟท์แวร์เฮ้าส์ ที่เชี่ยวชาญระบบบัญชีและภาษี สามารถเป็นผู้ให้บริการนำส่งข้อมูลระบบบัญชีและภาษี รวมถึงสามารถยื่นภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Tax Service Provider) ได้ เพื่อให้มีผู้เล่นในตลาดเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีผู้ให้บริการ Service Provider ที่ได้รับใบอนุญาติจากกรมสรรพากรแล้ว ประมาณ 20 ราย โดยคาดว่าภายในเดือน มี.ค. 66 น่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ดังกล่าว

ทั้งนี้ เนื่องจากในปีนี้กรมฯ มีการปรับกลยุทธ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษี และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น และอยากทำให้เรื่องภาษีเป็นเรื่องง่ายสำหรับทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจตั้งใหม่ที่ส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการด้านภาษีอย่างมาก ดังนั้น การอัพเกรดบริการ Service Provider ให้มีบริการ Tax Service Provider ให้สามารถใช้ซอฟท์แวร์ด้านภาษีและบัญชีมาบริการลูกค้าในกลุ่มดังกล่าว เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลในเรื่องการชำระภาษีให้ถูกต้อง

“ปัจจุบันสถาบันการเงินยังไม่สามารถทำตรงนี้ได้ เราก็จะแก้เกณฑ์ให้สามารถทำได้ โดยจะขยายบทบาทให้ทำได้ตั้งแต่ทำบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ ทำเพย์เม้น ไปจนถึงกระบวนการยื่นภาษีต่างๆ โดยกรมสรรพากรอยากเห็นภาพว่าบริษัทตั้งใหม่ หรือบริษัทสตาร์ทอัพที่พัฒนาซอฟท์แวร์ด้านบัญชีและภาษี มีการยกระดับธุรกิจซอฟท์แวร์เฮ้า พัฒนาตนเองมาให้บริการในส่วนนี้ ก็จะเป็นการต่อยอดการให้บริการลูกค้าไปในตัวด้วย ขณะที่ผู้ให้บริการปัจจุบันก็ต้องปรับตัว เพื่อตอบโจทย์การให้บริการลูกค้าให้อยากมาเข้าระบบภาษีมากขึ้น”

นายลวรณ กล่าว

นายลวรณ กล่าวว่า ในส่วนของความคืบหน้าเกี่ยวกับภาษีการขายหุ้น ขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีการตรวจร่างกฎหมายเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างรอนำขึ้นทูลเกล้าฯ ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่คงต้องดูความเหมาะสมในหลายๆ เรื่อง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.พ. 66)

Tags: , , ,
Back to Top