7 แกนนำพรรคการเมือง ร่วมประชันวิสัยทัศน์ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ ในหัวข้อ “Policy Push-Market Drives กำหนดนโยบายให้ตรงใจตลาดโลก” ในงานสัมมนา “อนาคตประเทศไทย ECONOMIC DRIVES” โดยมองว่าควรต้องเร่งแก้ปัญหาในประเทศด้วยการรื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ ปฏิรูปรัฐราชการ ยกเลิกกฎหมายล้าสมัย ลดความเหลื่อมล้ำก่อน
พรรคชาติพัฒนากล้า
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ก่อนจะไปสู่คำถามว่าเราจะสตาร์ทอย่างไรให้ก้าวนำโลก ขอเพิ่มคำถามว่าเราจะสตาร์ทอย่างไร ขณะที่มีคนไทยถือบัตรคนจนถึง 14 ล้านคน มีคนติดแบล็กลิสต์บูโรถึง 6 ล้านชีวิต มี SMEs ที่ไม่รู้จะไปต่อได้หรือไม่อีกเป็นจำนวนมาก คำตอบของปัญหาเหล่านี้คือ เราต้องรื้อโครงสร้างทางเศรษฐกิจหลายเรื่อง ไทยจึงจะเดินไปข้างหน้าพร้อมกันทุกคน
ดังนั้นถึงเวลาที่ต้องรื้อโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ทั้งอุตสาหกรรมพลังงาน, อุตสาหกรรมการเงิน, อุตสาหกรรมการเกษตร และที่สำคัญ รื้อระบบราชการ
ส่วนแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้น พรรคมีนโยบาย Spectrum Economy หรือเศรษฐกิจเฉดสี ที่จะเพิ่มรายได้เข้าประเทศไทยได้รวม 5 ล้านล้านบาท
สำหรับการปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์นั้น ต้องให้ความรู้กับประชาชน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องมีระบบตรวจสอบที่สามารถป้องกันบัญชีม้า และสถาบันการเงินต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย
ส่วนการถือครองที่ดินของต่างด้าวนั้น ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละพื้นที่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วต่างชาติมีความสนใจที่จะถือครองเฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น โดยการดำเนินการในเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับจังหวะและเวลา ซึ่งสามารถทำได้ในรูปแบบแซนด์บ็อกซ์
พรรคพลังประชารัฐ
นายอุตตม สาวนายน ที่ปรึกษานโยบาย พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ท่ามกลางวิกฤตอาจกลายเป็นโอกาสหากเราสามารถมีแนวทางการบริหารที่เหมาะสม สิ่งที่ต้องรีบดำเนินการ 1.แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่น ผลพวงจากโควิด-19 แก้ปัญหาหนี้ 2.ปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจฐานรากที่มีความมั่นคง 3.การปฏิรูปรัฐราชการ ยกเลิกกฎหมายล้าสมัย 4.พัฒนาทุนมนุษย์
ทั้งนี้ พรรคมีแนวคิดประชารัฐที่ไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหา ลดความเหลื่อมล้ำ โดยสามารถต่อยอดจากโครงการเดิมที่ได้ทำไปแล้ว
ส่วนการผลักดันเศรษฐกิจสีเขียว จะช่วยแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ เพราะเริ่มต้นจากเศรษฐกิจฐานราก แต่ต้องดำเนินการให้ครบวงจร และทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม
การปรับลดขนาดกองทัพนั้นควรมีการปฏิรูปงบประมาณให้เหมาะสม เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และมีความโปร่งใส
พรรคเพื่อไทย
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคมีแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจแบบสมดุล 3 แนวทาง คือ 1.ส่งเสริมส่งออก 2.ส่งเสริมการท่องเที่ยว และ 3.ส่งเสริมลงทุน โดยการเพิ่มผลผลิต
ส่วนนโยบายการเงินนั้น ไม่จำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย แต่อยากให้ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก
สำหรับปัญหาแรงงานต่างด้าวเข้ามาแย่งงานคนไทยนั้น ต้องยอมรับความจริงว่ามีงานหลายอย่างที่คนไทยไม่ทำ ผู้ประกอบการจึงต้องหันไปใช่แรงงานต่างด้าว ขณะเดียวกันต้องสร้างงานใหม่ให้คนไทย
ขณะที่การวางตัวต่อปัญหาความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐ จะต้องให้มีความเหมาะสมพอดี โดยแสดงความจริงใจที่จะทำให้มหาอำนาจเกิดความเข้าใจถึงเหตุผลในการวางตัวดังกล่าว
พรรคก้าวไกล
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ทำ SWOT analysis ให้รู้จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภัยคุกคาม แล้วนำมาทำเป็นนโยบายสร้างงาน ซ่อมประเทศ เพื่อเชื่อมเศรษฐกิจโลก จะมีประโยชน์อะไรถ้าตรงใจตลาดโลก แต่ไม่ตรงใจคนไทย ตราบใดที่ยังมีเกษตรกรที่ยากจนถึง 66% ดังนั้นจึงต้องสร้างศักยภาพและลดความเหลื่อมล้ำไปพร้อมกัน
ส่วนปัญหาราคาน้ำมันแพงนั้น คงต้องเข้าไปดูเรื่องโครงสร้างภาษี แต่แนวทางแก้ไขที่ยั่งยืน คือการประหยัดพลังงาน เช่น การใช้รถอีวี
สำหรับนโยบายเศรษฐกิจเร่งด่วน 100 วันแรก หากได้เป็นนายกรัฐมนตรี คือ การผลักดันภาคเกษตร เช่น สุราก้าวหน้า, ภาคอุตสาหกรรม เช่น หวยใบเสร็จ และการท่องเที่ยว เช่น คูปองเมืองรอง
พรรคชาติไทยพัฒนา
นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า สถานการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงขณะนี้ ต้องพึ่งพาตัวเองอย่างยั่งยืน ลดการพึ่งพาต่างประเทศ และให้ทุกคนมีโอกาสในการสร้างรายได้ โดยต้องคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม
สำหรับปัญหาหนี้ครัวเรือนนั้น มองว่า สามารถแก้ไขได้ โดยนำจุดแข็งของเรามาปรับใช้ เช่น การใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนการนำเข้าปุ๋ยวิทยาศาสตร์
ส่วนกลไกขยายตลาดส่งออกนั้น จะต้องเริ่มต้นจากตัวเอง หากสามารถผลิตสินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของทั่วโลก ก็จะช่วยลดภาระของทูตพาณิชย์
พรรคประชาธิปัตย์
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า การพัฒนาเศรษฐกิจต้องทำควบคู่กันไป รัฐหนุนเอกชนนำ ระบบราชการคอยทำหน้าที่เซลส์แมนประเทศ มีความซื่อสัตย์สุจริต สร้างเงิน-สร้างคน-สร้างชาติ ใช้ตลาดนำการผลิตทั้งสินค้าและบริการ รวมถึงซอฟท์พาวเวอร์ ขณะที่ตลาดโลกเองมีความต้องการเรื่องความยั่งยืน
ขณะเดียวกัน ต้องปรับโครงสร้างการผลิต ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อช่วยเพิ่มกำลังการผลิต และเร่งเจาะตลาดใหม่ 3 แห่งเพื่อทดแทนภาวะเศรษฐกิจถดถอย คือ ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และ CLMV
พรรคไทยสร้างไทย
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า แนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจต้อง 1.แก้หนี้-เติมทุน 2.แก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรค 3.เพิ่มรายได้ ให้ได้กำไรดี มีแต้มต่อ 4.ลดค่าใช้จ่ายด้วยภาษี เว้นเก็บภาษี SMEs 3 ปี 5.สร้างคุณภาพชีวิต เรียนฟรีถึงปริญญาตรี 6.กวาดล้างคอร์รัปชั่น
ทั้งนี้ ปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนนั้น รัฐบาลสามารถให้บริการสินเชื่อแก่ประชาชนได้ ผ่านแอปเป๋าตัง เช่น วงเงิน 5 พันบาท ซึ่งจะสร้างโอกาสในการทำกิน
สำหรับค่าแรงขั้นต่ำที่เหมาะสม ภายใน 3 ปี พรรคมีแนวทางที่จะทำให้รายได้ต่อหัวของคนไทยเพิ่มขึ้น 50% แต่ที่สำคัญคือทำให้มีรายได้เหลือมากแค่ไหน ส่วนค่าแรงต้องเป็นไปตามทักษะความสามารถ และอัตราเงินเฟ้อ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.พ. 66)
Tags: พรรคการเมือง, เลือกตั้ง