นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เปิดใจเคลียร์ข่าวลือทุบหุ้น หลังล้มดีลซื้อ LEONI Kabel GmbH ซึ่งเป็นบริษัทในเยอรมนี และ LEONIsche Holding Inc ที่เป็นบริษัทในรัฐเดลาแวร์ของสหรัฐ ผู้ผลิตสายไฟสำหรับรถยนต์และสายไฟสำหรับ EV Charging Solutions มูลค่าการซื้อขายรวม 560 ล้านยูโร หรือราว 20,588.90 ล้านบาท รวมเงินกู้ยืมระหว่างบริษัทในเครือบางรายการ (Intercompany Financing Receivables) เมื่อ 13 ธ.ค.65
หลังล้มดีลราคาหุ้น STARK ไหลลงมาลึกถึง 2.16 บาท (20 ธ.ค.65) ต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี จนมาเมื่อ ปลาย ม.ค. 66 ราคาฟื้นขึ้นมาทะลุ 3.00 บาทได้อีกครั้ง แต่ยังแกว่งทรงตัวไปไหนไม่ไกล
นายชนินทร์ อธิบายว่าเหตุผลยกเลิกการเข้าซื้อ LEONI ครั้งนี้ เป็นเพราะสถานการณ์ในยุโรปแย่ลงเรื่อยๆ จากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ขณะเดียวกันขั้นตอนการซื้อกิจการก็กินเวลานานกว่า 6 เดือน จากปกติจะใช้เวลา 3-4 เดือน เมื่อเห็นท่าไม่ค่อยดี จึงใช้สิทธิยกเลิกการซื้อกิจการเพื่อไม่ให้เป็นภาระในอนาคต โดยให้คอยติดตามงบของ LEONI ที่จะออกในช่วง 1 มี.ค.นี้ ก็จะเห็นว่าการตัดสินใจว่าถูกต้องหรือไม่
“ผมอยู่ในตลาดทุน 20-30 ปี ผมซื้อของไม่ใช่ซื้อมาแบก ซื้อของต้องมี Synergy ต้องมีผล 1 2 3 4 ถ้าไม่ได้ผมไม่เอา แพงผมไม่เอา ถูกแล้วไม่มี Synergy ผมก็ไม่เอา เพราะฉะนั้นผมไม่มี Emotional Buy …ผมไม่สนใจหรอกเรื่องปั่นหุ้น ผู้ถือหุ้นใหญ่เขามีกินมีใช้อยู่แล้ว พวกเราสมถะจะตาย เรากำลังสร้างของที่จะอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน คู่ไปกับตลาดหลักทรัพย์ เราต้องเพิ่มสมรรถนะในการแข่งขันของเรา และต้องการให้สะท้อนที่ราคาหุ้นของเรา”
“ช่วงที่ตัดสินใจไม่ซื้อกิจการ ทำให้เกิดพิพาทโดยคณะอนุญาโตตุลาการตามมา ซึ่งยังไม่รู้แพ้หรือชนะ ผมก็เชื่อว่าผมได้เปรียบ แต่จะแจ้งภายนอกก็ต้องระมัดระวังก็รอเวลา 2-3 วัน แต่แล้วก็เกิดข่าวลือเต็มตลาดไปหมด ราคาหุ้น STARK ก็ไหลลงมา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีข่าวลือว่าเจ้าของหุ้นทุบหุ้นเอง ซึ่งไม่จริง ทั้งหมดเป็นเฟคนิวส์ทั้งหมด แต่ก็มีคนได้ประโยชน์ แต่ไม่รู้ว่าใคร มีคนบอกให้เราไปรับหุ้น ถ้าอย่างนั้นก็จะมีคนคิดว่าข่าวลือเป็นจริง ดังนั้นผู้ถือหุ้นก็ไม่ทำอะไร ราคาหุ้นถูกๆ แต่อย่าลืมพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยน”นายชนินทร์ กล่าว
ซีอีโอ STARK ยังกล่าวว่า ส่วนเงินทุนที่ได้รับจากการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) วงเงิน 5,580 ล่านบาทนั้น ปัจจุบันอยู่ในงบของบริษัท ซึ่งเดิมจะไปลงทุน LEONI เป็นหลักแต่เมื่อยกเลิกดีลแล้วก็ต้องเปลี่ยนวัตถุประสงค์การใช้เงินเพิ่มทุน ก็จะเร่งให้งบออกให้เร็วขึ้น และเร่งการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเร็วขึ้นกว่าปกติ เพื่อจะยื่นขอเปลี่ยนวัตถุประสงค์
เงินส่วนนี้ระหว่างที่ปรับทิศทางการลงทุนก็จะนำไปลดดอกเบี้ยด้วย เพื่อให้องค์กรได้รับประโยชน์ แต่เจตนา คือ การนำเงินไปลงทุน ซึ่งเป็นไปตามแผนการขยายกิจการ แต่ดีลใหม่นี้จะต้องได้ประโยชน์อย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่าของ LEONI ทั้งนี้ เงินก้อนนี้เป็นเงินไม่ได้ร้อน เป็นเงินเย็น ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยแบบนี้ก็เป็นโอกาสซื้อของดีราคาถูก ใครกำเงินตอนนี้ได้เปรียบ
STARK จะมองการลงทุนใหม่ทั้งในไทยและเวียดนาม รวมถึงในยุโรปและสหรัฐ อีกทั้งมีโอกาสขยายงานไปที่ลาติอเมริกา และแอฟริกา รวมถึงมอง S-Curve ใหม่ ทั้งนี้ ต้องใช้เวลาไตร่ตรอง และจะนำเสนอการปรับแผนการใช้เงินทุนให้กับผู้ถือหุ้นโดยเร็วที่สุด
สำหรับผลประกอบการของ STARK โตต่อเนื่อง โดย EBITDA โตกว่า 10% ถึง 20% โดยปีนี้เน้นไปที่เวียดนามที่มีการลงทุนพลังงานลมอยู่มาก ที่มีการใช้สายไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว รวมทั้งสายใฟใต้น้ำก็เริ่มผลิตในเวียดนามเป็นครั้งแรกที่จะสร้างมาร์จิ้นได้สูง ทั้งนี้บริษัทมุ่งที่จะขยายธุรกิจสีเขียวมากขึ้น นอกจากนี้ก็กำลังวางแผนและสร้างพันธมิตรขยายเกี่ยวกับกิจการรถ EV
“EBITDA ยังไงก็โต ตัวเลข 2 หลักอยู่เสนอซึ่งเราก็จะ maintain ให้ได้ ระดับนี้อยู่เสมอ ก็คาดปลายปี 2024 หรือต้นปี 2025 อาจจะเริ่มปันผล แต่ผมโตด้วย Market Cap มากกว่า เพราะเป็นแนวของกองทุนด้วย คนที่ถือหุ้นระยะยาวมอง มาร์เก็ตแคป อย่ามองที่เงินปันผล ถ้าจะมองที่เงินปันผล ไม่ใช่หุ้นผม”นายชนินทร์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.พ. 66)
Tags: INTERVIEW, ชนินทร์ เย็นสุดใจ, ทุบหุ้น, ปั่นหุ้น, สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น, สหรัฐ, เยอรมนี